'ชูชาติ' จวก 'โฆษกรัฐบาล' ไม่ทำหน้าที่
"ชูชาติ" จวก "โฆษกรัฐบาล" ไม่ทำหน้าที่ตนเอง ต้องรับผิดชอบ จน "ทิพานัน" ต้องออกมาชี้แจงแทน ปม "นายกฯ" คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ทำงานแก้เศรษฐกิจเหมือนไม่มีสถานการณ์ฉุกเฉิน
เมื่อโฆษกรัฐบาลไม่ทำหน้าที่ที่ตนเองต้องรับผิดชอบ คุณทิพานัน คงทนไม่ได้จึงต้องออกมาชี้แจงแทน
จากกรณีที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คง พ.ร.ก.ฉุกเฉินแต่ทำงานเหมือนไม่มีสถานการณ์ฉุกเฉินและยังจี้ให้เร่งออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต้องออกมาชี้แจงตอบโต้ โดยระบุว่า นายอนุสรณ์ น่าตกข่าว ไม่สนใจทำการบ้าน ศึกษาหาข้อมูลก่อนวิจารณ์ จึงไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้มีการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มีรูปแบบการปฏิบัติงานเช่นเดียวกับศูนย์การบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ขึ้น โดยจะมีนายกฯเป็นประธาน ซึ่งความรวดเร็วฉับไว ทันสถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่านายกฯให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างฉุกเฉิน เร่งด่วน จึงต้องการให้ศูนย์นี้ขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว ด้วยความเป็นเอกภาพและบูรณาการเช่นเดียวกับ ศบค.
นอกจากนี้ที่ผ่านมา รัฐบาลมีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” ซึ่งถือเป็นยาแรงในการช่วยเศรษฐกิจฐานรากแล้ว และยังมีการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกร ผู้ประกอบการและแรงงานในระบบ รวมถึงมาตรการการช่วยเหลือค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า พักการชำระหนี้ต่างๆ ในช่วงที่มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโควิด 19 อย่างเคร่งครัด ต่อมาเมื่อมีการผ่อนคลาย รัฐบาลจึงดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับสภาพการแพร่ระบาดของโควิดด้วย อาทิเช่น มาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจให้มากที่สุดจากการท่องเที่ยวภายในระเทศ, มาตรการช่วยผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) โดยค้ำประกันปล่อยกู้วงเงินรวม 4.5 หมื่นล้านบาทและปรับเงื่อนไขกองทุน 5 หมื่นล้านเพื่อบรรเทาปัญหาหนี้เสียของ SMEs ด้วย ทั้งในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ก็ลงพื้นที่นำข้อมูลปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน นำเสนอสู่พรรคเพื่อเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งทุกอย่างยึดโยงกับปัญหาปากท้องของประชาชนทั้งสิ้น
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังที่โฆษกพรรคเพื่อไทยไม่ได้ตระหนักถึงเหตุผลในการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ ว่าเป็นไปเพื่อบังคับใช้เครื่องมือต่างๆในเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคิด-19 ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อความมั่นใจ ในการรักษาความปลอดภัยให้กับชีวิตของประชาชน และยังเป็นไปตามข้อเรียกร้องขององค์การอนามัยโลก ที่ให้ประเทศต่างๆ คงมาตรการเข้มงวดในเรื่องนี้ ซึ่งจากการลงพื้นที่เป็นประจำ ได้สอบถามประชาชนทั่วไปก็จะบอกว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไร จากการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่โฆษกพรรคเพื่อไทยยังคงนำเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉินมาประดิษฐ์วาทกรรมชี้นำสังคม เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด ในการทำงานของรัฐบาล ที่ต้องดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปพร้อมๆกับการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากมาตรการป้องกันโควิด-19อีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ต้องการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ไม่สร้างความเหลื่อมล้ำและต้องโปร่งใส
"รัฐบาลตั้งใจที่จะกอบกู้เศรษฐกิจ ให้ฟื้นกลับคืนมาจากปัญหาเศรษฐกิจที่สั่งสมมานานเป็นภาระประชาชนมาหลายปี ที่ถูกวิจารณ์ว่ากู้มาโกง ก่อนที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์จะเข้ามาบริหารประเทศ ฉะนั้นการดำเนินการต่างๆต้องรัดกุมและมีคำตอบให้กับประชาชน จึงอยากให้ฝ่ายค้านใจกว้าง ในการวิจารณ์รัฐบาล ไม่ใช่จับเอาประเด็นมาพูดโจมตีใส่ร้ายป้ายสีให้เป็นข่าวรายวัน ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน" น.ส.ทิพานัน กล่าว