น้ำไหลป่าหลาก-วาตภัยในพื้นที่ 7 จังหวัด เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ปภ.รายงาน เกิดน้ำป่าไหลหลากและวาตภัยในพื้นที่ 7 จังหวัด เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน (15 ก.ค. 63 เวลา 06.00 น.) เกิดน้ำไหลหลากและวาตภัยในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ชลบุรี อุดรธานี และกระบี่ ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำท่วมขัง พร้อมสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน (15 ก.ค. 63 เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำไหลหลากรวม 4 จังหวัด 5 อำเภอ 10 ตำบล 23 หมู่บ้าน 1 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ (พัทยา) ประชาชนได้รับผลกระทบ 112 ครัวเรือน ถนนเสียหาย 6 สาย สะพานไม้ชำรุด 1 แห่ง คอสะพานเสียหาย 8 แห่ง ฝายเสียหาย 12 แห่ง พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 10 ไร่
ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ลำพูน เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอแม่ทา 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ลำปาง เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอเมืองปาน และอำเภอวังเหนือ 6 ตำบล 19 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 108 ครัวเรือน ชลบุรี เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอบางละมุง 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4 ครัวเรือน
สำหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยมี 5 จังหวัด 7 อำเภอ 10 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 69 หลัง ได้แก่ ลำพูน เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอแม่ทา 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7 หลัง อุดรธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเพ็ญ อำเภอบ้านผือ และอำเภอบ้านดุง รวม 6 ตำบล 7 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 58 หลัง หนองบัวลำภู เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองหนองบัวลำภู รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 2 หลัง ชลบุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองชลบุรี 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน กระบี่ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองกระบี่ 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2 ครัวเรือน ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเจ้าหน้าที่พร้อมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องสูบน้ำ
และยานพาหนะให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูงและเร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคอีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมิน ความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป