ต่างชาติแห่ ‘ขายหุ้นอินเดีย’ ทิ้ง เดือนเดียวทุนหาย 3 แสนล้านบาท มองราคาหุ้นแพงไป
นักลงทุนต่างชาติแห่ขายหุ้นอินเดียอย่างหนักราว 3 แสนล้านบาทในเดือนตุลาคม ส่งผลให้ตลาดหุ้นเผชิญกับแรงกดดันอย่างรุนแรง ท่ามกลางความกังวลภาวะเศรษฐกิจอินเดียที่ชะลอตัวและมูลค่าหุ้นที่สูงขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักลงทุนต่างชาติแห่ “ขายหุ้นอินเดียทิ้ง” ในปริมาณมหาศาล ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตลาดหุ้นอินเดีย ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังเผชิญภาวะชะลอตัว
กองทุนทั่วโลกต่างถอนเงินออกจากตลาดหุ้นอินเดียมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 3 แสนล้านบาทในเดือนตุลาคม ทำให้ดัชนีหุ้นหลักเข้าใกล้ภาวะปรับฐานทางเทคนิค โดยธนาคาร Citigroup เตือนว่า การไหลออกอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อผลตอบแทนหุ้นในระยะสั้น
ก่อนหน้านั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “อินเดีย” ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่ได้รับความนิยม เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ผลกำไรของบริษัทที่พุ่งสูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากจีน แต่ความมั่นใจดังกล่าวเริ่มลดลง เนื่องจากมูลค่าหุ้นของอินเดียกลายเป็นหนึ่งในตลาดที่มีราคาสูงที่สุดในโลก อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจและกำไรเริ่มชะลอตัว อีกทั้งหุ้นจีนเริ่มฟื้นตัวหลังจากการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน
“แม้ว่าการขายหุ้นโดยนักลงทุนต่างชาติอาจไม่รุนแรงเท่าเดิม แต่พวกเขายังคงระมัดระวัง” ราจัท อกาอาร์วาล นักกลยุทธ์หุ้นเอเชียของ Societe Generale SA. กล่าว โดยอกาอาร์วาล ผู้ซึ่งปรับมุมมองเชิงกลยุทธ์ต่อหุ้นอินเดียเป็นกลางในช่วงปลายปี 2023 มองว่าทั้งการเติบโตของกำไรและมูลค่าหุ้น “ยังมีพื้นที่ให้ปรับลดลงอีก”
สำหรับกำลังซื้อของผู้บริโภคในเมืองอินเดียเริ่มหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นกลางที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและปัญหาการว่างงาน บริษัทต่าง ๆ ที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคตั้งแต่สบู่ไปจนถึงรถยนต์ ต่างรายงานว่ายอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคในชนบทกลับมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นจากผลผลิตทางการเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากฤดูมรสุมที่ดี แต่ปริมาณการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในชนบทก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยความต้องการที่ลดลงในเมือง ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 500 ล้านคน
Goldman Sachs ยังปรับมุมมองเชิงกลยุทธ์ต่อหุ้นอินเดียเป็น “กลาง” จาก “เพิ่มน้ำหนักการลงทุน” ในเดือนที่ผ่านมา โดยอ้างถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและมูลค่าที่สูง นักเศรษฐศาสตร์บางคนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตต่ำกว่า 7% ในปีงบประมาณนี้ ลดลงจากมากกว่า 8% ในปีก่อน
ขณะที่เงินทุนไหลออกจากประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนี Nifty 50 Index ร่วงลง 6.2% ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นผลงานรายเดือนที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 โดย Jefferies Financial Group ระบุว่า การประมาณการผลประกอบการในปีงบประมาณ 2025 สำหรับหุ้นในดัชนีดังกล่าวได้ลดลง 2.2% ในช่วงฤดูกาลรายงานผลประกอบการปัจจุบัน
“ตลาดยังไม่ได้สะท้อนถึงขอบเขตของการชะลอตัวที่อาจเกิดขึ้นอย่างเต็มที่” เวนูโกปาล การร์ และ นิกิล อาเรล่า นักวิจัยแห่ง Bernstein Research สถาบันวิจัยตลาดทุนเขียนในบันทึก “เมื่อความจริงปรากฏ เราคาดว่า Nifty จะปรับตัวลดลงอีกเล็กน้อยจากระดับปัจจุบันไปอยู่ที่ประมาณ 23,500 ซึ่งยังคงเป็นเป้าหมายปลายปีของเรา”
อ้างอิง: bloomberg