ผลตรวจครอบครัวพนง.วิทยุการบิน 9 คนไม่พบเชื้อ
จังหวัดเชียงใหม่ แถลงยันกลุ่มครอบครัวพนักงานวิทยุการบิน 9 คน ตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 15 ก.ค.ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดแถลงข่าว กรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดระยอง และพบกลุ่มเสี่ยงในจังหวัดเชียงใหม่ที่เดินทางไปจังหวัดระยอง ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมี นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ,นายแพทย์สุเมธ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ และนพ.กิตติพันธ์ ฉลอม นายแพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน ด้านระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมแถลงข่าว
นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการโรติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการกำหนดมาตรการต่างๆ พร้อมทั้งรับฟังสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งพบมีผู้ติดเชื้อเข้าไปในพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อจะได้ควบคุมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยขอความร่วมมือจากทุกคนให้ปฏิบัติตนตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการควบคุมดูแลตัวเองให้อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงต่ำ
นพ.กิตติพันธ์ ฉลอม นายแพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน ด้านระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากที่พบผู้ป่วยในจังหวัดระยองและกรุงเทพฯ ซึ่งมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อ จึงได้พิจารณาความเสี่ยง ในรายที่เป็นเด็กอายุ 9 ขวบ ได้พิจารณาประวัติการเดินทางมีความเสี่ยน้อยที่จะเกิดการระบาด การเดินทางมีการกำกับติดตาม
ส่วนกรณีของทหารอียิปต์ ที่จังหวัดระยอง ที่มีการพิจารณาการเดินทางมีพื้นเสี่ยงอยู่อยู่ 2 จุดคือที่โรงแรม และห้างสรรพสินค้า ซึ่งกลุ่มเสี่ยงสูงที่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ทั้ง 9 ราย ได้เข้าตรวจคัดกรองแล้วไม่พบเชื้อ ส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากประชาชนเมื่อวันที่ 14 ก.ค.2563 มีผู้เดินทางและเข้าพักที่โรงแรมดีวารี โรงแรมเรียวกับทหารอียิปต์ในช่วงวันที่ 9-10 ก.ค.นี้ โดยเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว 2 คัน พักที่โรงแรมดีวารี 2 คืน แต่พักคนละชั้นกับทหารที่พบเชื้อ จากข้อมูลการสอสวนโรคเป็นกลุ่มความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากไม่ได้ใกล้ชิดสัมผัสกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ หลังจากเดินทางกลับมาถึงเชียงใหม่เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ได้อยู่บ้าน และได้ประสานเข้ามาที่สาธารณสุขหลังทราบข่าว ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการสอบสวนโรคทั้ง 9 คน ไม่พบว่ามีอาการป่วย
แต่ได้ขอความร่วมมือให้กักตัวเองในบ้านเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี วันนี้ (15ก.ค.)นับเป็นวันที่ 5 หลังจากที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยง หากติดเชื้อมีโอกาสตรวจพบได้สูง ซึ่งทั้ง 9 รายได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว ไม่พบเชื้อ แต่ยังคงได้กักตัวที่บ้านให้ครบ 14 วัน ตามเกณฑ์ที่กำหนด
นายแพทย์สุเมธ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า โอกาสที่่จะเกิดการติดเชื้อในผู้ที่สัมผัส กรณีของเด็ก อายุ 9 ขวบ เมื่อลงเครื่องแล้ว ได้เดินทางไปพักในคอนโดมิเนียม ไม่ได้มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาด หลังจากทราบว่าติดเชื้อได้นำตัวไปเข้ารับการรักษาทันที โอกาสจะเป็นกลุ่มที่ใช้ลิฟท์เท่านั้น
ส่วนกรณีที่จังหวัดระยอง ผู้ติดเชื้อได้เดินห้างสรรพสิค้า แต่เนื่องจากผู้ป่วยสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา โอกาสการแพร่กระจายเชื้อจึงเป็นไปได้น้อย แต่กลุ่มที่มีความเสี่ยงคือกลุ่มโรงแรม เช่น แม่บ้าน พนักงานต้อนรับ พนักงานในโรงแรม ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบการติดเชื้อ แต่ให้ติดตามดูอาการ 14 วัน รวมทั้งบุคคลที่เข้าใช้บริการในโรงแรม ห้างสรรพสินค้าให้เข้ารับการตรวจ ขณะเดียวกันเชียงใหม่จะมีมาตรการเฝ้าระวังกลุ่มที่มาจากจังหวัดระยอง เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ ได้ประชุมเพื่อประเมินหาแนวทางมาตรการป้องกัน สถานการณ์ถือว่าอยู่ในความเสี่ยงต่ำที่จะมีเชื้อเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ มาตรการเบื้องต้นผู้ที่เดินทางมาจากสนามบินอู่ตะเภาวันละ 2 เที่ยวบินจะต้องบันทึกข้อมูล สถานที่ติดต่อ ส่วนรถทัวร์ที่มาจากระยองต้องบรรทุกข้อมูลผู้โดยสารทุกคน เพื่อเก็บข้อมูลของผู้เดินทางทุกวัน และให้สังเกตอาการ หากพบอาการผิดปกติต้องรีบแจ้ง เพื่อข้าสู่กระบวนการสอบสวนโรค ทั้งนี้ผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดระยองยังสามารถเดินทางเข้ามาได้ แต่จะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
สำหรับเหตุการณ์ที่จังหวัดระยองและกรุงเทพฯ ทำให้จังหวัดเชียงใหม่ยังต้องเข้มงวดในการบันทึกข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่นไทยชนะ เพื่อการตรวจสอบข้อมูลได้ในทันที่ และได้รับการแจ้งเตือนผ่าน SMS ในทันที ที่สำคัญต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือบ่อยครั้ง เพราะจะจัดอยู่ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงต่ำ ฝากถึงผู้ประกอบการร้านค้า หากดำเนินการตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคกำหนด จะจัดเข้าสู่ร้านค้าที่มีความเสี่ยงต่ำ มาตรการเหล่านี้ต้องเข้มแข็งและต้องดำเนินการต่อไปอย่างข้มงวด