'กต.' ย้ำกฎเหล็ก 'นักการทูตต่างชาติ' เข้าประเทศ ต้องตามมาตรการ สธ.ไทย
"กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยัน นักการทูตต่างชาติเข้าไทย ต้องทำตามมาตรการสาธารณสุข ย้ำ คณะทูตไม่ใช่ “VIP” แม้ได้รับการปฏิบัติตามอนุสัญญากรุงเวียนนา รักษาสัมพันธ์ประเทศ
นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักการทูตตะวันตกชาติหนึ่ง เพื่อกลับมาปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่สามารถเข้าที่พักได้ว่า นักการทูตรายดังกล่าวเดินทางกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในไทยเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2563 โดยได้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนออกเดินทางแล้ว และเมื่อมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับการตรวจหาเขื้อโควิด-19 อีกครั้ง ซึ่งมีผลตรวจเป็นลบ โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานต้นสังกัดดูแล พร้อมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีการใส่ชุดป้องกันตามมาตรฐานสาธารณสุข
จากนั้นได้เดินทางจากสนามบินไปอาคารชุด ซึ่งเป็นที่พำนัก (โดยทางอาคารชุดได้ทราบล่วงหน้า) เพื่อกักตัวภายใต้การดูแลของหน่วยงานต้นสังกัด โดยนั่งรถที่มีแผ่นกั้น (partition) ระหว่างคนขับและผู้โดยสาร และเจ้าหน้าที่สำนักงานต้นสังกัดได้เดินทางไปส่งที่อาคารชุดด้วยโดยรถคนละคัน ซึ่งทั้งหมดเป็นการทำตามมาตรการอย่างรัดกุม
เมื่อเดินทางถึงที่พัก นิติบุคคลของอาคารชุดแจ้งว่า กรรมการนิติบุคคลแจ้งว่า ได้มีมติไม่ให้นักการทูตรายดังกล่าวเข้าพัก ดังนั้น กรมพิธีการทูตจึงได้ประสานสำนักงานต้นสังกัดของนักการทูตดังกล่าว ให้จัดหาที่พักที่มีความพร้อมและเหมาะสมตามมาตรการสาธารณสุขของไทย เพื่อรับการกักกันตัว
“ในเรื่องนี้ กระทรวงฯขอชี้แจงว่า นักการทูตเป็นกลุ่มบุคคลเดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ไม่ใช่ “VIP” เนื่องจากแม้จะได้รับการคุ้มครองภายใต้อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการส่งเสริมและรักษาความสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพ ในฐานะตัวแทนทางการทูตและผู้แทนของรัฐ แต่ก็มีหน้าที่ที่ต้องเคารพกฎระเบียบของประเทศเจ้าบ้าน โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขของไทย ซึ่งเป็นไปแนวทางของคำสั่ง ศบค. ฉบับที่ 7/2563 ที่ยังเป็นมาตรการปัจจุบันที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่” นายเชิดเกียรติ กล่าว
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงฯ ยังย้ำว่า การดำเนินการของต้นสังกัดของนักการทูตประเทศตะวันตกรายดังกล่าวจึงเป็นตามกรอบระเบียบตามมาตรการของ ศบค. ในปัจจุบัน ซึ่งในช่วงรอยต่อนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เน้นย้ำและทำความเข้าใจกับคณะทูตเป็นระยะ
อย่างไรก็ดี เพื่อการสร้างความมั่นใจ โดยคำนึงถึงความรู้สึกของสังคมไทย ในการพยายามควบคุมโรคและใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย กระทรวงการต่างประเทศได้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทบทวนมาตรการให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อการอนุมัติให้บังคับใช้อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ภายหลังกรณีบุตรสาวนักการทูตจากประเทศในแอฟริกา กระทรวงการต่างประเทศได้เน้นย้ำให้คณะทูตปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันอย่างเคร่งครัด และขอให้เพิ่มความเข้มข้นโดยการรอรับผลการตรวจ RT-PCR ที่สนามบินและขอให้กักกันตัวในสถานที่ที่มีส่วนแยกและสภาพเหมาะสม (isolated facility) อีกด้วย