การเมือง-เศรษฐกิจ-โควิด ฝุ่นตลบประเทศไทย
วันนี้สถานการณ์โควิด-19 ในไทย กลับมาสร้างความกังวลให้กับประชาชนอีกครั้งจากกลุ่มอภิสิทธิ์ชน ขณะเดียวกันก็เติมเชื้อไฟทำให้คนบางส่วนเริ่มแสดงความไม่พอใจในการทำงานของรัฐบาล ฟากการเมืองก็มีกระแสร้อนแรงกับกระแสปรับ ครม. นี่คือภาวะฝุ่นตลบและเปราะบางของไทย
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงสัปดาห์นี้ ประเทศไทยดูเหมือนจะเผชิญมรสุมจากหลายลูกประดังประเด กระโชกแรงต่อเนื่อง ตั้งแต่การฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยที่เผชิญผลกระทบจากวิกฤติโควิด ฉุดเศรษฐกิจไทยทรุดหนักเสียยิ่งกว่าวิกฤติต้มยำกุ้ง เนื่องจากผลกระทบเกิดขึ้นในทุกชนชั้นและกระทบทั่วโลก ในภาวะที่รัฐบาลกำลังสาละวนกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำท่าจะออกอีกหลายมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น
พลันก็เกิดตัวแปรแทรก ทำให้ผู้คนในประเทศขวัญผวากับการระบาดของโควิดระลอกสอง จากการพบชาวต่างชาติ (ลูกทูต และทหารอียิปต์) ใช้ความเป็น “อภิสิทธิ์ชน” (11 กลุ่มที่รัฐเปิดทางเดินทางเข้าไทยภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดกับประเทศต้นทาง) ติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่ได้อยู่ในสถานที่กักตัว ทำให้ขณะนี้ผู้ใกล้ชิดกับบุคคลเหล่านี้หลายพันคนต้องตรวจหาเชื้อโควิด ซึ่งยังลุ้นว่า สุดท้ายจะมีผู้ติดเชื้อโควิดจากกรณีนี้หรือไม่ ถ้ามีก็จะกลายเป็นหนัง (โควิด) ม้วนยาว
ที่สำคัญเหตุการณ์ดังกล่าว ยังเป็นเหมือน “การเติมเชื้อไฟ” ทำให้บุคคลบางส่วนของประเทศ อาทิ “คนรุ่นใหม่บางส่วน” แสดงออกไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาโควิด จนเกิดการชุมนุมประท้วงในนามกลุ่มสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนท.และกลุ่มเยาวชนปลดแอก –Free YOUTH บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่ต้องลุ้นว่า การชุมนุมจะยืดเยื้อบานปลายหรือไม่ ถ้าบานปลายก็จะกลายเป็นอีกหนังม้วนยาวของประเทศ
ไม่เท่านั้น ในห้วงที่โควิดทุบเศรษฐกิจไทย ในฟากของ “การเมือง” กระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร้อนแรงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจหลายตำแหน่ง ที่ดันมาเกิดขึ้นในภาวะที่ประเทศไทยบอบช้ำจากโควิด ต้องการให้บุคคลในตำแหน่งสำคัญๆ ของบ้านเมืองเหล่านี้ เป็นความหวังมาร่วมกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชาติ แทนที่จะมา “เล่นเก้าอี้ดนตรี” กันแบบนี้
เรื่องดังกล่าว จึงน่าจะทำให้ตาสีตาสา ประชาชนทั่วไปเรื่อยไปถึงปัญญาชน บ่นเสียงดังๆ ขึ้นเรื่อยๆ เพราะอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมต้องมาทำอะไรกันช่วงนี้ แม้จะพอเข้าใจได้ว่าอาชีพนักการเมืองที่ปากบอกว่าเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศชาติช่วงหาเสียงอาจจะต้องหารสอง-หารสิบกับคำพูดเหล่านี้สำหรับใครบางคนก็ตาม นี่คือภาวะฝุ่นตลบของประเทศไทยในชั่วโมง นาทีนี้ ซึ่งอาจเดินไปสู่ภาวะ “เหลืออด” ของผู้คนในหลายภาคส่วนของสังคมมากขึ้นต่อเนื่อง นับเป็นภาวะ “เปราะบาง” ที่น่ากังวลว่าจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์โควิด เสถียรภาพของรัฐบาล ที่สำคัญซ้ำเติมประเทศชาติ ยิ่งนัก