'อ.ปริญญา' ชี้อัยการสั่งไม่ฟ้อง 'บอส อยู่วิทยา' ตอกย้ำคุกมีไว้ขังแค่คนจน
"อ.ปริญญา" ชี้อัยการสั่งไม่ฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" เป็นเรื่องร้ายแรง สั่นคลอนกระบวนการยุติธรรม ยิ่งเป็นการตอกย้ำคุกมีไว้ขังแค่คนจน จี้ "อัยการสูงสุด" เร่งชี้แจง
ภายหลังจากที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ “บอส อยู่วิทยา” ทายาทผู้บริหารเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดัง ในคดีขับรถยนต์หรูชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 พร้อมเตรียมถอนหมายจับในทุกคดีปิดฉากการหนีคดีกว่า 8 ปี จนมีการวิพากษฺวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางนั้น
วันนี้ (25 ก.ค.63) ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นอาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก "Prinya Thaewanarumitkul" ระบุว่า #ทำไมการที่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีนี้จึงเป็นเรื่องร้ายแรง
กรณีนี้ไม่ใช่แค่ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิตเท่านั้น แต่เป็นเรื่อง #ชนแล้วหนี แล้วคนที่ถูกชนก็คือ #เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ทั้งยังมีการใช้ให้ผู้อื่นมารับผิดแทน การที่คดีล่าช้าอยู่ในชั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนานถึง 8 ปี ก็แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ และแสดงให้เห็นถึงปัญหา #ความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม ของประเทศไทยมากพออยู่แล้ว
ดังนั้น การที่สำนักงานอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีนี้ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศทุกข้อหา จึงเป็น #เรื่องร้ายแรงมาก ในความรู้สึกของผู้คนโดยทั่วไป และเป็นการตอกย้ำสิ่งที่พูดกันว่า #คุกมีไว้ขังแค่คนจน ส่วนคนรวยจะหลุดรอดเพราะมีเส้นสายและวิ่งเต้นได้ ว่าเป็นเรื่องจริง
#สำนักงานอัยการสูงสุดจึงต้องชี้แจงเหตุผล ว่า #ทำไมจึงสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกคดีเช่นนี้ อย่าให้คนคิดไปว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยสามารถวิ่งเต้นและใช้เส้นสายได้ เพราะนี่คือกรณีที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศเป็นอย่างยิ่ง หาไม่แล้วคนจะไม่ใช่แค่บอยค็อตต์ผลิตภัณฑ์ในเครือกระทิงแดง แต่อาจจะบอยค็อตต์สำนักงานอัยการสูงสุดด้วย
ส่วน #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแถลงแค่ว่าทำตามขั้นตอน และทำตามความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ได้ แต่ต้องชี้แจงให้เหตุผลว่า #ทำไม่ไม่คัดค้านความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้อง ด้วยครับ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Prinya Thaewanarumitkul