ชี้เคยใช้โคเคนรักษาฟัน เมื่อ 150 ปี ปมคดี 'บอส อยู่วิทยา'
จับประเด็นร้อน! ชี้เคยใช้โคเคนรักษาฟัน เมื่อ 150 ปี ปมคดี "บอส อยู่วิทยา"
คดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจจนถึงแก่ชีวิตของ "บอส อยู่วิทยา" และเจอสารโคเคนในตัว "บอส อยู่วิทยา" แต่มีหมอมายันว่า ให้ยาผสมโคเคนใช้รักษาฟัน
กลายเป็นประเด็นขึ้นมาว่าเป็นเรื่องจริงหรือ และหาข้อมูลกันเป็นเรื่องใหญ่ กับปมสารเสพติดโคเคนที่พบในตัวบอส ที่โฆษกกมธ.ตำรวจ ออกแถลงว่า มีหมอออกมายันว่าเป็นยาที่ผสมโคเคนเพื่อรักษาฟัน ทำให้ไม่สั่งฟ้องเรื่องสารเสพติด
ล่าสุดเพจ ห้องทำฟันหมายเลข 10 ได้ออกมาโพสต์ข้อมูลเรื่องของยาชาที่เคยใช้ในอดีตและปัจจุบัน ไว้ดังนี้
เรื่องนี้จะไม่แปลกถ้าเป็นเมื่อ ศตวรรษที่ 18 !!! หมอฟันคนนั้นต้องนั่งไทม์แมชชีนมาแน่นอน
หนึ่งในยาที่ใช้มากที่สุดในทางทันตกรรม คือ ยาชา โดยยาชาตัวแรกที่นำมาใช้ทางการแพทย์คือโคเคน (cocaine) ในปี ค.ศ. 1859 (150 ปีมาแล้ว!!!) แต่ด้วยข้อเสียของโคเคนที่มีระยะเวลาการออกฤทธิ์สั้น และมีฤทธิ์เสพติด จึงมีการพัฒนายาที่มีสูตรโครงสร้างคล้ายโคเคน ชื่อ Procaine ขึ้นในปีค.ศ. 1904
แต่ในปีค.ศ. 1948 มีการนำยาชาที่มีสูตรโครงสร้างต่างไปจาก cocaine และ procaine ได้แก่ lidocaine และมียาชาที่พัฒนาต่อเนื่องตามมาได้แก่ mepivacaine (ค.ศ. 1965) prilocaine (ค.ศ. 1983; ยาชนิดนี้ไม่มีใช้ในประเทศไทย) และ articaine (ค.ศ. 2000)โดยยาชาทั้งสามกลุ่มนี้มีสูตรโครงสร้างคนละแบบกับโคเคน รวมทั้งกระบวนการขับยาออกจากร่างกายก็ได้สารเคมีคนละกลุ่มกับโคเคน
Reference: Oral Maxillofacial Surg Clin N Am 25 (2013) 453465
ส่วนเรื่อง ยาชาที่ชื่อคล้ายสารเสพติดโคเคน หากนำไปตรวจผลที่ได้จะไม่ขึ้นว่าเป็นโคเคน....
คนก็ยังอาจสงสัยยาชามันชื่อลงท้าย "เคน" เหมือนกัน(แต่จริงๆมันก็คนละโครงสร้างหละนะ) ถ้าไปฉีดยาชา"ลิโดเคน"ทำฟันมาจริงแล้วไปตรวจ"โคเคน"มันจะขึ้นผลหลอกว่ามีโคเคนหรือปล่าว(false positive)
จากการวิจัยก็บอกว่า ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ครับ
แปลว่าตรวจเจอโคเคนก็คือโคเคน อย่ามาโบ้ยยาชาที่รักของหมอฟันนะ
เอาเอกสารวิชาการมาให้ดูกัน ว่ากันด้วยหลักการและเหตุผลนะครับ