คุ้ยปม 'พยานคดีบอส' ตายไม่ปกติ แกะรอยไทม์ไลน์คู่กรณี-พุ่งปมโคเคนรื้อคดี
นายกฯสั่งด่วนอายัดศพ “จาตุชาติ มาดทอง” พยานปากเอกคดีบอส อยู่วิทยา เร่งชันสูตรใหม่ “วิชา” ชี้ส่อตายผิดธรรมชาติ ด้าน ตร.คุ้ยปมตายผิดวิสัย เร่งแกะรอยคู่กรณี-ไทม์ไลน์ก่อนเกิดเหตุ พุ่งปมโคเคน-สารแปลกปลอมรื้อคดี ขณะที่ กมธ.สิทธิฯ ส.ว.ตั้งทีมเกาะติด
ความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำสำนวนคดีของนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ในคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 วานนี้ (2ส.ค.) ซึ่งล่าสุดเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีการเสียชีวิตของนายจาตุชาติ มาดทอง พยานคนสำคัญในคดีซึ่งยังมีข้อสงสัยเกี่ยวเกี่ยวสาเหตุการเสียชีวิต วานนี้ (2 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการอายัดศพของนายจารุชาติ จากเดิมที่มีกำหนดฌาปนกิจในวันที่2ส.ค. เพื่อนำกลับมาชันสูตรพลิกศพสืบหาการเสียชีวิตตามที่มีหลายฝ่ายเสนอ
หลังมีคำสั่งพล.ต.ต พิเชษฐ จิระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้เดินทางไปเจรจาขอรับศพกับทางญาติของนายจารุชาติ เพื่อกลับมาชันสูตรที่แผนกนิติเวชโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
โดยพล.ต.ต.พิเชษฐ กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อเป็นการขออายัดร่างของนายจารุชาติ เอาไว้เพื่อตรวจสอบหาการเสียชีวิตอย่างละเอียด เนื่องจากมีความสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต โดยกรณีทางเจ้าหน้าที่โทรหาญาติซึ่ง ในส่วนนี้พบว่าหลังเกิดอุบัติเหตุเจ้าหน้าที่ได้เก็บสมบัติที่ติดตัวผู้เสียชีวิตเอาไว้รวมถึงโทรศัพท์ จึงได้ตรวจสอบหมายเลขพบว่ารายชื่อบันทึกว่า แม่ จึงได้สุ่มโทร พบว่าเป็นแม่ของผู้เสียชีวิต จึงได้แจ้งเหตุให้ทราบว่านายจารุชาติเสียชีวิตแล้ว
"ในส่วนของการแจ้งสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนหน้านี้มีการพบว่ามีร่องรอยการกระแทกที่ศีรษะ และมีเลือดออกในช่องท้องนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการพิสูจน์อีกครั้ง เพื่อให้ความกระจ่างแก่ทุกฝ่ายถึงการเสียชีวิต ” ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวว่านายจารุชาติ มาดทองและนายสมชาย ตาวิโนซึ่งเป็นคู่กรณีที่รถจักรยานยนต์เกิดการเฉี่ยวชนกัน รู้จักกันมาก่อนนั้น พล.ต.ต พิเชษฐ กล่าวว่า ทั้ง 2 คนพึ่งรู้จักกันในคืนนั้น เนื่องจากนายจารุชาติและนายสมชาย นั่งดื่มสุราในร้านเดียวกัน และมาดื่มคนเดียวทั้งคู่ ประกอบกับจากคำให้การของนายสมชายระบุว่า นายจารุชาติ อัธยาศัยดีมาชวนพูดคุยก่อนจึงดื่มกินกันสักพัก เลยชวนกันไปดื่มต่อที่อื่นในย่านสันติธรรม กลางเมืองเชียงใหม่ จนมาเกิดอุบัติเหตุขึ้น
เร่งแกะรอยไทม์ไลน์“จารุชาติ-คู่กรณี”
ขณะที่พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รองโฆษกตร.) เปิดเผยว่า หลังอายัดศพเพื่อนำไปชันสูตรเป็นครั้งที่2 พนักงานสอบสวนจะนำผลการชันสูตรพลิกศพทั้ง 2 ครั้ง เข้าประกอบสำนวนการสอบสวน
สำหรับการเสียชีวิตของนายจารุชาติฯเป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติและสังคมยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในประเด็นการเสียชีวิต รวมถึงความเชื่อมโยง ในการเป็นพยานในคดีของ นายวรยุทธ ( ซึ่งในเรื่องนี้ คณะพนักงานสอบสวน ได้ทำสำนวนการสอบสวน แบ่งออกเป็น2 คดี คือ 1.สำนวนคดีจราจร และ 2.สำนวนชันสูตรพลิกศพโดยยังคงต้องรอผลการชันสูตรพลิกศพจากแพทย์นิติเวช ประกอบกับ ผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุจากกองพิสูจน์หลักฐาน และ ข้อมูลทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน
โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดาผบ.ตร. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการด้วยรวดเร็วและความรอบคอบ เพื่อเร่งคลี่คลายประเด็นข้อสงสัยในทุกประเด็น จนสิ้นกระแสความ และเกิดความชัดเจนรอบด้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ ตำรวจได้แกะรอยพบหลักฐานใหม่จากภาพในกล้องวงจรปิด และพยานบุคคลจากร้านเหล้าแห่งหนึ่ง พบว่านายจารุชาติ และนายสมชาย ตาวิโน คู่กรณีที่ ได้พบกันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งก่อนประสบอุบัติเหตุ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ที่นายสมชาย ได้ให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าไม่ได้รู้จักกับนายจารุชาติ ก่อนที่นายสมชายจะให้การใหม่อีกครั้งว่าลำดับเหตุการณ์ใหม่ และยอมรับว่าที่ให้การไปว่าไม่รู้จักกัน ก็ด้วยความเมา ยืนยันว่าเพิ่งมารู้จักกันที่หน้าร้านเหล้าดังกล่าว
วันเดียวกันพล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดชผู้บังคับการกองปราบปราม ได้เปิดเผยว่า ได้ให้ทาง พ.ต.อ.ปทักษ์ ขวัญนา ผู้กำกับการกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ลงพื้นที่เกิดเหตุโดยจะต้องทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมกับมีการไล่กล้องวงจรปิดย้อนไปก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ รวมถึงจะต้องนำตัวพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด มาสอบสวนอย่างละเอียด ซึ่งขณะนี้ทางกองปราบฯ ยังไม่ระบุแน่ชัด หรือตั้งประเด็นไปในทิศทางใด ไม่ว่าจะเป็นฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ
“วิชา” ชี้ส่อตายผิดธรรมชาติ
ส่วนนายวิชา มหาคุณประธาน คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอัยการไม่สั่งคดีนายวรยุทธ กล่าวว่า เปิดเผยว่า ตนได้เสนอกับพล.อ.ประยุทธ์ สั่งอายัดศพนายจารุชาติ นำกลับมาชันสูตรเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง เนื่องจากเห็นว่า การเสียชีวิตอย่างกะทันหันทำให้มีการตั้งข้อสังเกตจากประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ว่าอาจเป็นการเสียชีวิตผิดธรรมชาติ และสังคมยังมีความเคลือบแคลงสงสัย
ทั้งนี้การประชุมคณะกรรมการฯ ที่มีผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 10 คนนัดแรก ในวันนี้ (3 ส.ค.) เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เบื้องต้นจะฟังเสียงของผู้ทรงคุณวุฒิว่ามีข้อคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้เพื่อนำไปสู่การเรียกบุคคลเข้ามาชี้แจง และจะได้มอบนโยบายได้ถูกต้องสำหรับกรอบการทำงาน 30 วันคิดว่าเพียงพอทำให้สังคมเกิดความเชื่อถือและเชื่อมั่นในระบบกระบวนการยุติธรรมไทย โดยคณะกรรมการชุดนี้จะต้องรายงานเสนอต่อนายกรัฐมนตรีทุก 10 วัน
“ยอมรับว่าประเทศไทยปฏิรูปมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่เกิดผลเป็นรูปธรรมหรือเรียกว่าปฏิวัติหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ซึ่งถึงเวลาแล้ว จะต้องเอาจริงเอาจังกับระบบกระบวนการยุติธรรม”
นายวิชายังกล่าวย้ำว่า กรณีที่พยานปากสำคัญ 1 ใน 2 พยานที่เสียชีวิตกะทันหันน้ำนายวิชาระบุว่า เรื่องนี้จะต้องดูให้รอบคอบ และลึกลงไปในรายละเอียดและลึกลงไปในรายละเอียดโดยเฉพาะจะต้องตรวจสอบที่มาที่ไปอย่างละเอียดด้วย สรุปเบื้องต้นจะต้องดำเนินการ ให้ถูกต้องตามกระบวนการหากเสียชีวิตโดยผิดปกติหรือผิดธรรมชาติ แต่ตนตั้งข้อสังเกตผู้เสียชีวิตเสียชีวิตมีการตายแบบผิดธรรมชาติจึงต้องใช้ มีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพว่าคดีนี้ ว่าเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวหรือไม่อย่างไร เพราะมันอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาอยู่แล้ว เว้นแต่จะไม่ทำเท่านั้น ความเชื่อว่าหากไม่ทำเรื่องนี้ให้เกิดความสงสัยจะทำให้เกิดปัญหาแน่นอน
ตร.พุ่งปมเสพโคเคนรื้อคดี
พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำสำนวนคดีเปิดเผยว่า การประชุมวันที่1ส.ค.ที่ผ่านมาได้หารือในที่ประชุมและมอบหมายงานให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นเรื่องผลตรวจสอบเลือดที่พบสารแปลกปลอม 4 ชนิด และมี 2 ชนิดที่เป็นองค์ประกอบย่อยที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโคเคนที่เดิมเห็นว่าจะเรียนเชิญแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงสาธารณสุข มาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการ แต่ได้มอบหมายใหม่ให้ไปสอบถามข้อมูลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแทน
จากนั้นให้นำข้อมูลสรุปความเห็นดังกล่าวมารายงานต่อที่ประชุมในวันนี้ (3 ส.ค.) เพื่อพิจารณาลงลึกไปในรายละเอียด และหากผลจากการพิจารณาพบว่ามีพยานหลักฐานที่ชัดเจนมากพอ และคดียังไม่หมดอายุความ ก็จะเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณาสั่งการต่อไปว่า จะให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาการเสพสารเสพติด กับบอส อยู่วิทยา เพิ่มเติมหรือไม่
ทั้งนี้จะเน้นเรื่องการตรวจสอบผลตอบสารแปลกปลอมในเลือดเป็นเรื่องเร่งด่วนแต่ก็ไม่ปฏิเสธเรื่องการสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในด้านอื่นๆ เช่น เรื่องความเร็วรถยนต์ที่แท้จริงของ บอส อยู่วิทยา ที่ก่อนหน้านี้ยอมรับว่ายังมีประเด็นถกเถียงในที่ประชุม เรื่องผลการคำนวณที่ออกมาแตกต่างกัน เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวก่อนหน้านี้นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ และรองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้กล่าวถึงกรณีการตรวจพบสารโคเคนในร่างกายว่าตามกฎหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ มาตรา 95 การเสพยาเสพติดประเภทที่ 2 มีอัตราโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 3 ปี ยังมีอายุความ 10 ปี ทำให้ข้อหานี้ยังสามารถแจ้งกับผู้ต้องหาได้
กมธ.สิทธิฯ ส.ว.ตั้งทีมเกาะติด
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภาเรียกร้องฝ่ายที่เกี่ยวข้องแต่งตั้งบุคคลเข้าไปทำหน้าที่คนกลางเพื่อเป็นสักขีพยานการผ่าพิสูจน์ร่างนายจารุชาติ หลังจากที่ร่างได้รับการอายัดและนำไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เนื่องจากเชื่อว่าการเสียชีวิตดังกล่าว ไม่ใช่แค่การเกิดอุบัติเหตุทางถนน ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปเรื่อง
ในการประชุมของกมธ.วันที่ 3 สิงหาคม จะหารือต่อประเด็นการเสียชีวิตของนายจารุชาติ เข้าสู่การประชุม เนื่องจากเชื่อว่าเป็นการเสียชีวิตที่มีเงื่อนงำและเสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติ ที่อาจมีประเด็นของการฆ่าตัดตอนพยานเกิดขึ้นได้
“กรณีของนายจารุชาติ คือพยานปากสำคัญในคดีของนายวรยุทธ ที่เมื่อถูกสอบแล้วอาจพบคำให้การที่ไม่ตรง เพราะนายจารุชาติ ถือเป็นคนที่ไม่มีความรู้ทางกฎหมาย เป็นเพียงคนขับรถรับจ้าง ซึ่งต่างจากพยานรายอื่น ดังนั้นอาจเป็นจุดอ่อนของคดีหากตรวจสอบตรงไปตรงมา อาจพบเรื่องให้การเท็จได้ ซึ่งการตายแบบกะทันหัน อย่างผิดธรรมชาติ จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ต่อการวิ่งเต้นคดี การตัดตอนพยานหรือไม่ และต้องมีฝ่ายที่ติดตามการทำงาน อย่างไรก็ตามการทำงานของกมธ.นั้น ยินดีจะเป็นฝ่ายสนับสนุนให้กับคณะกรรมการตรวจสอบ ชุดที่ นายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน”นายสมชาย กล่าว