EEC จะแล่นไกลอย่างไร? ...ในมือกัปตันใหม่
อีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ของ ครม.ชุดใหม่ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ นอกเหนือจากการเร่งฟื้นเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวจากพิษโควิด-19 แต่ยังต้องผลักดันโครงการที่มีอยู่ให้เดินต่อไป โดยเฉพาะบิ๊กโปรเจคอย่าง EEC ที่เหล่านักลงทุนและภาคเอกชนต่างรอคอยกัปตันใหม่ที่เข้ามาสานต่อ
หลายบทความก่อนผมเกริ่นว่า หากไม่มี “สมคิด” แล้ว EEC ยังจะเดินได้ไกลและเดิมตามทิศทางที่วางไว้ได้อย่างไร ซึ่งบัดนี้ วันนั้นก็มาถึง วันที่ EEC ไร้เงา “สมคิด” จริงๆ ความกังวลของคนเกี่ยวข้อง ไม่ว่านักลงทุน ชุมชน ภาคเอกชน แม้แต่ต่างประเทศ ต่างรอดูว่ากัปตันคนใหม่ที่จะเข้ามาดูแลจะเป็นใคร ทีท่าต่อ EEC ยังเหมือนเดิมหรือไม่ ถึงแม้ว่านายกรัฐมนตรียังคงนั่งหัวโต๊ะกรรมการนโยบาย EEC
วันนี้ EEC มาไกลเกินที่จะหยุดและถอยแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเราขายฝันและสร้างเงาของฝันนั้นให้ผู้มาร่วมพัฒนาไว้มากมาย มีผู้นำสำคัญๆ ของประเทศที่เป็นผู้ลงทุนใหญ่ของไทยมาเยือนพื้นที่แล้ว โดยเฉพาะทั้งญี่ปุ่น ฮ่องกง และจีน กลยุทธ์ที่ผ่านมา เรามักจะเอา EEC ไปผูกกับกิจกรรมของรัฐบาลประเทศผู้ลงทุนสำคัญของไทยหรือไม่ก็บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับบิ๊กเนม ซึ่งก็ประสบความสำเร็จมาก
อาทิ พอเราสามารถพารัฐมนตรีเมติของญี่ปุ่น ฮิโระชิเกะ เซะโค มาเยือนพื้นที่ นับตั้งแต่นั้นมานักลงทุนญี่ปุ่นต่างมอง EEC เปลี่ยนไป หรือแครี แลมป์ ผู้นำหญิงฮ่องกงนำทีมมาลงนามความตกลงกับ EEC ในไทย นักลงทุนต่างมุ่งหน้าสู่ EEC ทั้งนี้ไม่นับนักลงทุนจากจีนที่กรุยทางโดยยักษ์ใหญ่อาลีบาบา
วันนี้นักลงทุนต่างมอง EEC เป็นพื้นที่มีศักยภาพที่สามารถเป็นศูนย์ธุรกิจและการผลิตของตนเองในภูมิภาคอาเซียนแห่งหนึ่งได้ เพราะมีการบริหารพื้นที่ EEC แบบใหม่ที่ดีกว่าเดิม แม้จะไม่มากนัก แต่ที่ตั้งสามารถเชื่อมกับภูมิภาคต่างๆ ได้สะดวก
รวมทั้งกำลังมีการพัฒนาสิ่งต่างๆ ที่ดีต่อคุณภาพชีวิตและการดำรงชีพสมัยใหม่ และที่สำคัญกำลังเฝ้ามองมาตรการสนับสนุนด้านแรงงานฝีมือ ระบบนิเวศด้านวิจัยและนวัตกรรมที่กำลังดำเนินการ อาทิ EECi หรือ EECd
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราได้ใช้ EEC เป็นหมากตัวสำคัญในการแข่งขันในเวทีโลก โดยเฉพาะเป็นที่รองรับจิ๊กซอว์ของเครื่องจักรเศรษฐกิจแห่งอนาคตคืออุตสาหกรรมเป้าหมาย 12 ตัว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้มข้นที่ต้องการการลงทุนจากต่างประเทศ และหากมองในรายละเอียดของแผนการดำเนินงานของโครงการ innovation eco-system
ดังนั้น การวางกลยุทธ์เพื่อสร้างความไว้วางใจ ความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ ในความสามารถการเป็นผู้นำของแม่ทัพ EEC คนใหม่ จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ประเทศไทยจะต้องทำให้เขามองว่า EEC ยังมีอนาคต และสำคัญมากพอที่เขาจะใส่ไว้ในกลยุทธ์หรือแผนธุรกิจของเขา ดังนั้นแม่ทัพใหม่ต้องออกแสดงความมุ่งมั่น วิสัยทัศน์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และผู้ที่จะมาร่วมพัฒนาในโครงการต่างๆ เห็นว่า EEC เป็น agenda ของประเทศไทย ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
ผมขอให้กำลังใจแม่ทัพคนใหม่ที่จะมานำ EEC แม้ว่านายกรัฐมนตรีคนเดิมจะเป็นประธาน แต่การลงคลุกในรายละเอียด มองภาพรวมและต่อจิ๊กซอร์แต่ละชิ้นให้เชื่อมกันให้ได้ และหลายจิ๊กซอว์ยังไม่สำเร็จ อาทิ โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงการบิน (MRO) ในเขตพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) ที่สนามบินอู่ตะเภา
นอกจากนี้ยังไม่นับปัญหาเดิมๆ ในพื้นที่ อาทิ การจัดการขยะ น้ำ สิ่งแวดล้อม ผังเมือง ที่แต่ละเรื่องมีเจ้าภาพ เจ้าพ่อ ดูแลและหวงอำนาจบารมีของตนเอง และยังไม่ทำงานประสานงานกันแบบไทยๆ แม้ว่าเลขาธิการสำนัก EEC ดร.คณิต แสงสุพรรณ มือประสานสิบทิศยังปวดหัว และรอแม่งานใหม่ช่วยนำทัพทะลวงต่อ
คนในชุมชนก็ยังรอและอยากเห็นโครงการใหญ่ๆ สำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ การพัฒนาเมืองที่น่าอยู่อาศัย และการยกระดับอาชีพในสาขาอื่น
ผมเชื่อฝีมือแม่ทัพคนใหม่ว่าจะสามารถนำ EEC เดินต่อตามเส้นทางที่วางไว้ถ้าจะทำจริงๆ วันนี้เราเดินมาไกล ไกลทั้งงานและความเชื่อถือของผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ไม่ว่านักลงทุน ชุมชน และคนไทยทุกคน และการชะลอ การละเลย ดึงให้ช้า จะมีต้นทุนสูงมหาศาลต่อความน่าเชื่อถือต่อนโยบายรัฐบาลและต่อไทย… ให้กำลังใจและตั้งตารอดูครับ