'โคเดกซ์' เล็งใช้มาตรฐานภูมิแพ้
มกอช. เผย Codex เตรียมประกาศมาตรฐานใหม่ ยกระดับจัดการด้านสุขลักษณะและสารก่อภูมิแพ้ตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร แนะผู้ประกอบการ ศึกษาหลักปฏิบัติ พร้อมปรับตัวดันส่งออกสินค้าเกษตรไทยไม่สะดุด
นางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า การประชุม Codex Alimentarius Commission (CAC) ครั้งที่ 43 ระหว่างวันที่ 13 – 20 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้ทบทวนและรับรองร่างมาตรฐานต่างๆ โดยร่างมาตรฐานสำคัญและมีผลต่อประเทศไทย คือมาตรฐานหลักสุขลักษณะอาหาร เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างหลักการทั่วไปด้านสุขลักษณะอาหารและการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตในธุรกิจอาหาร กำหนดให้ผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร ซึ่งครอบคลุมเกษตรกร ผู้ประกอบการผลิตอาหารตลอดห่วงโซ่ ต้องเข้าใจและทราบถึงอันตรายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมาตรการที่ใช้เพื่อป้องกันและกำจัดอันตรายเหล่านั้น
โดยแบ่งมาตรการเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การควบคุมทั่วไปด้วยการปฏิบัติที่ดีทางสุขลักษณะ (GHP) การควบคุมที่เฉพาะเจาะจงกับอันตราย ณ จุดวิกฤตที่ต้องควบคุม และการควบคุมทั่วไปด้วย GHP แต่ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมากกว่าจุดอื่น จึงอาจเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดหรือการทวนสอบ
รวมทั้งได้ปรับประเด็นการใช้น้ำโดยให้ใช้น้ำที่เหมาะสม ตามวัตถุประสงค์การใช้ของแต่ละขั้นตอนการผลิตรวมถึงปรับแก้หลักการ HACCP เพื่อให้เกิดความชัดเจนระหว่างการทดสอบความใช้ได้ (Validation) และการทวนสอบ (Verification)
มาตรฐานนี้หน่วยรับรองในประเทศสามารถนำไปใช้ตรวจรับรอง และประเทศต่างๆ ใช้อ้างอิงเพื่อออกเป็นกฎหมายของประเทศตนเอง จึงมีผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตอาหาร โดยมกอช.ได้ทบทวนมาตรฐานสินค้าเกษตรเรื่อง หลักเกณฑ์การปฏิบัติ: หลักการทั่วไปเกี่ยวกับสุขลักษณะอาหาร (มกษ. 9023-2550) และเรื่อง ระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมและแนวทางในการนำไปใช้ (มกษ. 9024-2550) รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติที่ดีทางการผลิต เพื่อให้สอดคล้องกับสากล
นอกจากนี้ Codex เตรียมประกาศมาตรฐานใหม่ เรื่อง หลักปฏิบัติสำหรับการจัดการสารก่อภูมิแพ้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร ซึ่งครอบคลุมการจัดการสารก่อภูมิแพ้ตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร ได้แก่ ผู้ผลิตขั้นต้น โรงงานแปรรูป ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร เพื่อให้มีการป้องกันการปนเปื้อนของสารก่อภูมิแพ้จากเครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้การทำความสะอาด โดยยังเน้นให้มีโปรแกรมการฝึกอบรมพนักงานให้เหมาะสมกับหน้าที่ที่รับผิดชอบ ซึ่งมาตรฐานนี้จะมีความสำคัญมากในอนาคต และต่อการค้าระหว่างประเทศ ผู้ประกอบการจึงควรเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้
และ Codex เตรียมรับรองให้ใช้วัตถุเจือปนอาหาร Xanthan Gum (INS415) ที่ระดับ 0.19gในผลิตภัณฑ์ 100 ml และ Pectins (INS440)ที่ระดับ 0.2 g ในผลิตภัณฑ์ 100 ml ซึ่งเป็นสารให้ความข้นเหนียว (Thickener) ในอาหารสำหรับทารกและอาหารทางการแพทย์สำหรับทารก จะมีผลต่อผู้ประกอบการที่ต้องควบคุมปริมาณการใช้สารดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม Codex อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุเจือปนอาหาร ในกรอบการพิจารณาเหตุผลทางเทคโนโลยีการผลิต เพื่อทบทวนการใช้วัตถุเจือปนอาหารเพิ่มเติมอีก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการผลิตอาหารดังกล่าวในอนาคต
“ฉะนั้น มกอช. จะประสานผู้ประกอบการเตรียมข้อมูล เหตุผลความจำเป็นทางด้านเทคโนโลยีการผลิต เพื่อเสนอต่อ Codex รวมทั้งมีการแจ้งเตือนหาก Codex พิจารณายกเลิกรายการวัตถุเจือปนอาหารที่เคยอนุญาตให้ใช้ รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการได้ตระหนัก พร้อมศึกษาและปรับตัวตามมาตรฐานหลักการทั่วไปสำหรับสุขลักษณะอาหาร ที่เกี่ยวข้องกับ GMP และ HACCP และมาตรฐานหลักปฏิบัติสำหรับการจัดการสารก่อภูมิแพ้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร เพื่อไม่ให้กระทบการส่งออกสินค้าเกษตรไทยในอนาคต”