‘ราคาทอง’ ไปทางไหนต่อ? หลังร่วงครั้งแรกรอบ 6 วัน

‘ราคาทอง’ ไปทางไหนต่อ? หลังร่วงครั้งแรกรอบ 6 วัน

ราคาทองคำฟิวเจอร์ปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 6 วันเมื่อวันศุกร์ (7 ส.ค.) หลังร่วงแรง 2% ผลจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มดีขึ้น ทำให้เกิดคำถามว่า ทิศทางราคาทองคำหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือน ธ.ค. ในตลาดนิวยอร์ก ลดลง 41.40 ดอลลาร์ (2%) ปิดที่ 2,028 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นับเป็นการลดลงครั้งแรกหลังจากทะยาน 5 วันติดต่อกันจนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,069.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันพฤหัสบดี (6 ส.ค.)

ราคาทองปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนขายทองซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังกระทรวงเกษตรสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.76 ล้านตำแหน่งในเดือน ก.ค. สูงกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.48 ล้านตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 10.2% จากระดับ 11.1% ในเดือน มิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.6%

 

  • “ดอลลาร์แข็ง” ปัจจัยฉุดสำคัญ

ขณะเดียวกัน ราคาทองยังถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก ทำให้ความน่าสนใจของทองลดลง เพราะทำให้ราคาทองแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.68% สู่ระดับ 93.4360 เมื่อคืนวันศุกร์

ปัจจุบัน ทองคำถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ทำราคาดีที่สุดในปีนี้ หลังจากพุ่งขึ้น 34% ตั้งแต่เข้าปี 2563 ขานรับการอ่อนค่าของดอลลาร์ ความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางทั่วโลก

 

  • ระยะยาว “ยังสดใส”

แม้ปิดท้ายสัปดาห์นี้ด้วยการปรับลดลง 2% แต่ภาพรวมราคาทองทั้งสัปดาห์นี้ยังเพิ่มขึ้น 2.1% เทียบกับเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (31 ก.ค.) และเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 9 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว ถือเป็นช่วงขาขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่สิ้นเดือน พ.ค. 2549

ส่วนในระยะยาว ราคาทองคำยังเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแนวโน้มสดใส

“ตราบใดที่สถานการณ์ยังเหมือนในปัจจุบัน กระแสการลงทุนทั่วโลกก็จะยังหลั่งไหลมาที่ทองคำมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในไตรมาสนี้ถือว่าขึ้นแบบก้าวกระโดดมาก” ฮัน ตัน นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัท FXTM ระบุ

ขณะที่ เอ็ดเวิร์ด เมียร์ นักวิเคราะห์ของบริษัท ED&F Man Capital Markets มองว่า หากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวบรรลุข้อตกลงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ได้เมื่อไหร่ จะยิ่งทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งจะช่วยดันราคาทองพุ่งขึ้นอีก

เมียร์คาดว่า ราคาทองจะยังพุ่งต่อเนื่องไปอยู่ระดับ 2,200-2,300 ดอลลาร์ช่วงสิ้นปีนี้

 

  • คาดการณ์จุดพีค

ก่อนหน้านี้ บรรดานักวิเคราะห์เตือนว่า ราคาทองอาจเผชิญการปรับฐาน ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นต่อไป แบงก์ ออฟ อเมริกา คาดว่า ราคาทองจะพุ่งแตะถึง 3,000 ดอลลาร์ในช่วง 18 เดือนข้างหน้า

ขณะที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ของ ซิตี้ (Citi) คาดว่า ราคาทองจะแตะ 2,100 ดอลลาร์ภายในไตรมาสนี้ และแตะ 2,300 ดอลลาร์ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

ตัน นักวิเคราะห์จาก FXTM บอกว่า นับตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา ราคาทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 15% แล้ว และแนวโน้มแตะระดับ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

-----------------------

อ้างอิง: CNBC1, CNBC2, MarketWatch