นัดม็อบใหญ่ รัฐสภา 10 ส.ค. นศ.วางคิวอนุสาวรีย์ฯ 16 ส.ค.

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมาตำรวจได้จับกุมทนายอานนท์ นำภา ด้านหน้าที่พักของเขาในกรุงเทพฯ และจับกุมภานุพงศ์ จาดนอก หรือ ‘ไมค์ ระยอง’ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และในช่วงเช้าวานนี้ (8 ส.ค.) ตำรวจควบคุมตัวทั้งคู่มาที่ศาลอาญา เพื่อขอฝากขังในคดียุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ รวม 7 ข้อหา จากการร่วมชุมนุมกับเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2563 มวลชนจึงนัดชุมนุมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้คนทั้ง 2 ใน 2 จุด

กลุ่มประชาชนปลดแอกนัดรวมตัวในเวลา 16.00 น. ที่สกายวอล์ค หอศิลป์ ข้อความเชิญชวนบนโซเชียลมีเดียติดแฮชแท็ก #ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส ขณะที่สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ประกาศยกระดับการชุมนุม ตั้งเวทีที่หน้าศาลอาญา รัชดา

บรรยากาศที่สกายวอล์ค ตำรวจราว 200 นายเข้าประจำพื้นที่ตั้งแต่ก่อนเวลานัดหมาย จากนั้นเมื่อถึงเวลานัดผู้ชุมนุมที่ส่วนใหญ่เป็นนิสิตนักศึกษาสวมเสื้อสีดำเข้ามาสมทบกันอย่างรวดเร็วจนเต็มพื้นที่ แม้เมฆฝนตั้งเค้ามาทะมึน เมื่อการปราศรัยเริ่มต้นตำรวจประกาศเตือนให้ทราบว่า การชุมนุมโดยไม่ได้แจ้งเป็นการกระทำผิดกฎหมาย แต่มวลชนตะโกนตอบโต้ “ตำรวจออกไป ตำรวจออกไป” จากนั้นเป็นการปราศรัยของนิสิตนักศึกษาสลับด้วยการร้องเพลงเป็นระยะๆ เนื้อหาการปราศรัยตอกย้ำข้อเรียกร้อง 3 ข้อของกลุ่มเยาวชนปลดแอก “ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญใหม่”

ระหว่างนั้นแกนนำได้นำภาพกระทิงแดงสีแดงขนาดใหญ่มาแสดงเชิงสัญลักษณ์ พร้อมชู 3 นิ้วร้องตะโกนไล่รัฐบาล

เวทีดำเนินไปได้ไม่นานฝนก็ตกลงมา แต่มวลชนยังรวมตัวกันอยู่อย่างเหนียวแน่น ผู้ดำเนินรายการประกาศว่า ศาลอาญาอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว "นายอานนท์และนายภานุพงศ์” ด้วยวงเงินประกัน 1 แสนบาท แต่ยังไม่ต้องวางประกันวันนี้ เมื่อผิดสัญญาจึงจะบังคับเอาหลักประกัน โดยมีเงื่อนไขห้ามกระทำผิดลักษณะเดิมอีก จากเดิมที่ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาต​ฝากขัง​นายอานนท์และนายภาณุพงศ์​ เป็นเวลา​ 12​ วัน​ จากอัตราโทษในคดีฝ่าฝืนประมวล​กฎหมายอาญา​ ม.116 ตร. สามารถ​ขอฝากขังได้​ 4 ครั้ง​ ครั้งละ​ 12​ วัน​ ทั้งคู่​จะถูกควบคุมตัว​ที่เรือนจำพิเศษ​กรุงเทพ

มวลชนส่งเสียงเฮตอบรับข่าวดีและยังปราศรัยกล่าวถึงข้อบกพร่องของรัฐบาลและเรียกร้องประชาธิปไตยต่อไป

“เราจะไม่หยุดจนกว่าอำนาจมืดจะหมดไป” ผู้ชุมนุมพร้อมใจตะโกนกึกก้อง

ต่อมาในเวลา 16.55 น. นายอานนท์และนายภาณุพงศ์ได้รับการปล่อยตัว ทั้งสองคนแถลง​ขอบคุณ​ทุกกำลังใจ​ ประกาศว่าหากชุมนุม​นอกกรอบรัฐธรรมนูญ​ยินดีเดินเข้าเรือนจำ​ ขอบคุณ​ ตร.​ ที่ทำหน้าที่ตามกฎหมาย​ ส่วนที่มาละเมิดสิทธิก็ต้องหาทางจัดการ​ ส่วนผู้ชุมนุม​เตรียม​เดินทาง​ไปสมทบที่สกายวอล์ก โดยนายอานนท์ไม่ได้มาสมทบด้วย โดยโพสต์เฟซบุ๊คระบุ

“ผมได้รับการปล่อยตัวแล้ว ขอบคุณทุกกำลังใจและความช่วยเหลือ วันนี้ขอตัวไม่ได้ไปร่วมที่สกายวอร์คนะครับ เตรียมตัวไปเชียงใหม่ครับ พรุ่งนี้เจอกัน”

ในวันนี้ (9 ส.ค.) นายอานนท์ มีกำหนดอภิปรายที่ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ ส่วนในวันที่ 10 ส.ค. มวลชนนัดหมายชุมนุมที่หน้ารัฐสภา ในเวลา 10.00 น. และในช่วงเย็นจะมีการชุมนุมที่ม.ธรรมศาสตร์ รังสิตอีกด้วย ถัดจากนั้นเป็นการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 16 สิงหาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ส่วนในโลกโซเซียลวานนี้มีการแชร์ภาพและบรรยากาศการชุมนุมแฟลชม็อบครั้งนี้อย่างกว้างขวาง โดย#ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาสพุ่งทะยานขึ้นอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์ด้วย

นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทองพรรคภูมิใจไทยในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนนิสิตและนักศึกษาสภาผู้แทนราษฎรกล่าวภายหลังร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมที่หน้าสน.บางเขน หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี 2 นักกิจกรรมปลดแอก เมื่อวันศุกร์ (7 ส.ค.) ว่า สถานการณ์นับจากนี้จะรุนแรงจนบานปลายหรือไม่ อยู่ที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไรบ้าง ซึ่งในที่ประชุมกมธ.ได้เน้นย้ำทุกครั้ง

“ล่าสุดได้เชิญทางตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) มาพูดคุยว่าการคุกคามใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะติดตามโทรหากดดันกับผู้ปกครองถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ รวมไปถึงการดำเนินคดีด้วยหากข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ไม่มีความชัดเจน ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไม่พยายามไปยัดข้อกล่าวหาให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม”นายภราดร กล่าว

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดกระบวนการดำเนินคดีด้วยการออกหมายจับ 2 นักกิจกรรมทันที โดยไม่มีหมายเรียก เพราะตั้งใจสกัดม็อบหลังมีการประกาศชุมนุมใหญ่ในวันที่ 16 ส.ค.นี้นั้น ใน กมธ.มี พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นกมธ.อยู่ด้วย ดังนั้นในการประชุมครั้งต่อไปคงต้องมีการสอบถามกัน อย่างไรก็ตาม กมธ.จะไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมที่จะมีขึ้นในหลายที่ในสัปดาห์หน้ารวมทั้งแฟลชม็อบที่สกาลวอล์กแยกปทุมวันด้วย

ทั้งนี้ระหว่างแฟลชม็อบบริเวณสกายวอล์ก หน้าศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ปทุมวัน แกนนำได้นำภาพกระทิงแดงสีแดงขนาดใหญ่มาแสดงเชิงสัญลักษณ์ พร้อมชู 3 นิ้วร้องตะโกนไล่รัฐบาล “เราจะไม่หยุดจนกว่าอำนาจมืดจะหมดไป” พร้อมยืนยันเรียกร้อง 3 ข้อ คือ หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา ภายใต้เงื่อนไข 2 จุดยืน คือ ไม่เอารัฐประหาร และไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ

นอกจากนี้ แกนนำยังประกาศนัดชุมนุมที่หน้ารัฐสภาในวันจันทร์ที่ 10 ส.ค.เวลา 10.00 น.และในช่วงเย็นจะมีการชุมนุมที่ม.ธรรมศาสตร์ รังสิตอีกด้วยและนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 16 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะเดียวกันในโลกโซเซียลมีการแชร์ภาพและบรรยากาศการชุมนุมแฟลชม็อบครั้งนี้อย่างกว้างขวาง โดย #ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส พุ่งทะยานขึ้นอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ กลุ่มนักศึกษาและมวลชนได้รวมตัวไปให้กำลังใจนายอานนท์ และนายภาณุพงศ์ ก่อนที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง จะนำตัวไปศาลอาญา ระหว่างนั้นได้เกิดการชุลมุนเล็กน้อยเมื่อมีผู้พยายามจะขอจับมือและให้กำลังใจทั้ง 2 คน กระทั่งไปถึงศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้มีกลุ่มมวลชนมารอให้กำลังใจทั้งสองคน รวมทั้งนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และ นางสาวจุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่มาติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ยังมี นายคารม พลพรกลาง ส.ส.แบบ บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้เดินทางเข้ามาที่ศาลด้วยเช่นกัน พร้อมเปิดเผยว่า ตนได้นำหลักทรัพย์จำนวนหนึ่ง สำหรับประกันตัว 2 แกนนำ ซึ่งต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป

ขณะในโซเชียลมีเดีย เพจสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษา แห่งประเทศไทย เรียกระดมพลด่วน ที่หน้าศาลอาญารัชดา ร่วมปกป้องผู้มีใจรักประชาธิปไตยไปด้วยกัน ส่วน เพจ Free Youth หรือ เยาวชนปลดแอก ได้เผยแพร่รายชื่อผู้ที่ถูกออกหมายจับเบื้องต้นกว่า 30 คน โดยระบุว่าในจำนวนนี้เกินครึ่งเป็นเยาวชน

ขณะที่เพจ FREEPEOPLE โพสต์ระบุ ข้อความ ทุกคนมีสิทธิถูกกระทำไม่ต่างจาก อานนท์ และไมค์ เพียงเพราะต้องการเห็นความยุติธรรม แสงสว่างที่เป็นอนาคตของประเทศไทย พร้อมนัดหมายชุมนุมที่สกายวอล์ก หน้าศูนย์การค้าเอ็มบีเค เวลา 16.00 น.