ตรวจหาสารเสพติดจากเส้นผม ชี้แม่นยำกว่า! ‘บัตรคนจน’ ตรวจฟรี

เมื่อวันที่ 12 ส.ค.63  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ปรับงานในหน้าที่เน้นการให้บริการภาคประชาชน บริการตรวจหาสารเสพติดจากเส้นผม ซึ่งปรับรูปแบบการทำงานที่เน้นการตรวจสอบเมื่อมีผู้ต้องสงสัยว่าเสพยา หรือ สารเสพติด เป็นการให้บริการตามสมัครใจ สำหรับประชาชนที่ต้องการนำผลตรวจเป็นใบประกอบการสมัครเรียน เช่น โรงเรียนการบิน ประกอบอาชีพ ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมามีผู้เข้ารับบริการจำนวนที่ไม่มากนัก เพราะค่าบริการตรวจหาสารเสพติดนั้นมีราคาเฉลี่ยที่ 5,000 บาทต่อครั้ง

ดังนั้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงของประชาชน ตนจึงมีนโยบายให้ลดค่าตรวจลง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 สำหรับประชาชนทั่วไป แต่สำหรับบุคคลที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ “บัตรคนจน" สามารถเข้ารับบริการฟรี ขณะที่ผู้ที่เป็นเยาวชนจะพิจารณาลดค่าตรวจให้ตามหลักเกณฑ์ นอกจากนั้นเพื่อให้การบริการครอบคลุมทั่วประเทศ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะสร้างเครือข่าย เช่น กองพิสูจน์หลักฐานของตำรวจ โรงพยาบาล สถาบันการศึกษาที่มีห้องแล็ป เพื่อเป็นจุดอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ต้องการเข้ารับบริการแต่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด ให้ใช้บริการเครือข่ายเพื่อส่งเส้นผมมายังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ในกรุงเทพ ได้โดยไม่ต้องเดินทางมาด้วยตนเอง

"การตรวจผ่านเส้นผมสามารถตรวจสอบสารเสพติดได้อย่างละเอียดถึง 10 ประเภท แยกละเอียดได้ 26 ชนิด เช่น ยาบ้า ยาอี ยาเค เฮโรอีนและกัญชา และตรวจย้อนหลังได้ถึง 6 เดือนให้ผลที่แม่นยำถูกต้อง เหมือนกรณีที่คนขับสิบล้อถูกจับที่ จ.ประจวบฯ ซึ่งได้ร้องเรียนว่าถูกกลั่นแกล้งในข้อหาครอบครองและเสพยาบ้า จนผลตรวจเส้นผมไม่พบสารจากยาบ้า พบเพียงสารจากพืชกระท่อม ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ตรวจประมาณ 16 วัน ทั้งนี้ในการตรวจนั้นมีต้นทุนสูงทำให้มีค่าบริการที่สูงตาม แต่หลังจากให้นโยบายลดราคา เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำเรื่องการปรับลดโดยไม่คิดถึงต้นทุน เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการกำกับการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อออกเป็นประกาศรองรับ เบื้องต้นคาดว่าจะได้รับการพิจารณาและประกาศอัตราค่าบริการใหม่ในเดือนกันยายนนี้” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่าสำหรับการให้บริการตรวจหาสารเสพติดผ่านเส้นผม ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่จะทราบเพียงแค่ ตรวจเมื่อมีการกระทำผิดหรือต้องสงสัย แต่ที่ผ่านมาสถาบันนิติวิทยาศาสต์ให้บริการตามความสมัครใจด้วย ซึ่งการเน้นให้บริการดังกล่าวในราคาที่ถูกลง เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเพิ่มมูลค่าในตัวเอง มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น รวมถึงลดความระแวงหรือถูกมองในแง่ลบจากบุคคลอื่นและคนในครอบครัว ที่ตั้งข้อสงสัยหรือตีตราว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ดังนั้นการยกระดับการให้บริการประชาชนเข้าถึง ด้วยราคาการเข้ารับบริการที่ถูกลง ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และสังคมถูกยกระดับให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น รวมถึงประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด