จ่อฟัน ตร. บกพร่องคดี 'บอส อยู่วิทยา' พร้อมทำคดี 'โคเคน-ขับรถเร็ว' ใหม่
คณะตรวจสอบฯ แถลงข้อเท็จจริงคดี "บอส อยู่วิทยา" พบข้อพิรุธของพนักงานสอบสวนในหลายประเด็น รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตอีกหลายประเด็น
เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 63 วันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมด้วย พลตำรวจโท จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะทำงานตรวจสอบคดี บอส อยู่วิทยา แถลงผลการประชุมตรวจสอบข้อเท็จจริง 15 วัน ตามที่มีการกำหนดกรอบเวลา พร้อมกับมีการไล่ไทม์ไลน์ขั้นตอนการทำงานของพนักงานสอบสวนจนถึงส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด จนถึงการไม่สั่งแย้งคดี
โดย พลตำรวจโท จารุวัฒน์ ระบุว่า ผลการตรวจสอบของ พลตำรวจโท เพิ่มพูล ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่พบความบกพร่องจากการสั่งไม่แย้ง เนื่องจาก การพิจารณาจะต้องพิจารณาตามข้อมูลและหลักฐานภายในสำนวนตามที่อัยการส่งมาเท่านั้น ไม่สามารถนำหลักฐานใหม่มาพิจารณาได้ ส่วนพนักงานสอบสวน ที่ทำคดีในสมัยนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนวินัย ตำรวจ 11 นายที่เคยถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ประพฤติมิชอบ ทุจริตและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมีการส่งลงโทษทางวินัยไปแล้ว รวมถึงตำรวจชุดใหม่ อีก 3-4 นาย ที่ต้องมาตรวจสอบความผิดทางวินัยใหม่อีกครั้ง
โดยข้อบกพร่องของผู้เกี่ยวข้องกับการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม 1.ไม่ดำเนินการตรวจสอบปัสสาวะ เพื่อตรวจสารเสพติดเมื่อได้ตัวผู้ต้องหา 2.ไม่เก็บหลักฐานคำให้การสอบสวนพยานเพิ่มเติมไว้ตามระเบียบ 3.ผู้ออกรายงานให้การไม่ตรงกับรายงาน 4.พนักงานสอบสวนไม่ออกหมายจับตามคำสั่งพนักงานอัยการ ส่วนข้อบกพร่องของผู้เกี่ยวข้องที่ถูกแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี วันที่ 25 เม.ย. 59 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการตามกฎหมาย วันที่ 17 ธ.ค. 62 ป.ป.ช.มีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาโทษทางวินัย วันที่ 31 มี.ค. 63 สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งลงโทษทางวินัย
สำหรับข้อบกพร่องของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีจราจรที่ 632/2555 ของ สน.ทองหล่อ ตามคำสั่ง ตร.ที่ 228/2559 ลง 22 เม.ย. 59 1.ไม่ได้ทำการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ทำการตรวจค้นบ้านผู้ต้องหาในวันเกิดเหตุประกอบสำนวนการสอบสวน 2.ไม่ได้ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และไม่ได้รวบรวมพยานหลักฐานในทันทีเป็นเหตุให้ขาดพยานหลักฐานในการฟ้อง 3.ไม่ได้สอบสวนปากคำผู้นำตัวผู้ต้องหามามอบตัวประกอบสำนวน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหาไปที่ไหนอย่างไร เพื่อสอบสวนขยายผลและอาจจะใช้เป็นพยานหลักฐานยืนยันในเรื่องความเมา และข้อเท็จแห่งคดี 4.การทำสัญญาประกันปล่อยตัวชั่วคราวบกพร่อง ผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวเอง จึงไม่ใช่ผู้ถูกจับกุมและไม่มีหมายจับ ตามป.วิ.อาญา มาตรา 134 วรรคท้าย พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจให้ประกันตัว ซึ่งจะต้องส่งตัวผู้ต้องหาไปที่ศาล เพื่อขอหมายขังทันที 5.การใช้ดุลพินิจของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ที่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 6.ผลการตรวจวิเคราะห์สารเสพติดที่เป็นสารเกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงในร่างกายจากการเสพโคเคน (ยาเสพติดประเภท 2) และคำให้การของแพทย์ผู้ตรวจพิสูจน์ยืนยันว่าพบสารที่เกิดจากการเสพโคเคนในร่างกายผู้ต้องหาไม่นำเข้าพิจารณาในการทำความเห็นในข้อหาขับรถโดยประมาทฯ และไม่มีการพิจารณาในเรื่องข้อหาเสพยาเสพติด 7.พนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง บก.น. 5 ที่ 183/55 ลง 4 ก.ย. 55 ไม่กำกับดูแลให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว ไม่เป็นไปตามป.วิ.อาญามาตรา 134 วรรคท้าย
8.คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง บก.น. 5 ที่ 183/55 ลง 4 ก.ย. 55 ไม่ขอขยายเวลาการสอบสวนตามคำสั่งตร. ที่ 960/37 ลง 10 ส.ค. 37 เมื่อได้ทำการสอบสวนครบกำหนดระยะเวลา 9.คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง บก.น. 5 ที่ 183/55 ลง 4 ก.ย. 55 มีหลักฐานการรับสำนวนของพนักงานอัยการ แต่ไม่รายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และไม่ส่งตัวผู้ต้องหาไปขอให้ศาลออกหมายขังเมื่อการสอบสวนครบกำหนดเวลา 6 เดือนตามป.วิ.อาญามาตรา 113 วรรคสอง 10.ผกก.สน.ทองหล่อ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ไม่ได้กำกับดูแลการสอบสวนโดยใกล้ชิดทั้งที่เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
นอกจากนี้ ทาง พลตำรวจโท จารุวัฒน์ ได้ระบุเพิ่มเติมอีกว่า การทำงานครั้งนี้จะไม่เป็นการฟอกขาว แต่จะตรวจสอบไปตามข้อเท็จจริงตามความบกพร่องที่พบโดยไม่สนในตำแหน่งใด
ทั้งนี้ ทาง พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้เนินคดีกับ บอส อยู่วิทยา ในกรณีสารเสพติด และคดีขับรถเร็ว ซึ่งจะมีการทำคดีตามขั้นตอน