ปศุสัตว์ สั่งเชือดหมูตัดวงจรโรคพีอาร์อาร์เอส
ปศุสัตว์ สั่งทำลายสุกรภาคเหนือ ตัดวงจรหลังตรวจพบโรคพีอาร์อาร์เอส ระบาด สั่งห้ามกินแม้ว่าจะไม่ติดต่อสู่คน
นายสรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอน และสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดตาก ลงพื้นที่สำรวจข้อเท็จจริง ตามที่มีกระแสข่าวว่าตรวจพบสุกรล้มตายจำนวนมาก โดยในพื้นที่ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน พบสุกรป่วยตายผิดปกติ จำนวน 5 ตัว จากการวิเคราะห์ข้อมูลความเสี่ยงทางระบาดวิทยา เพื่อให้การควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำลายสุกรของเกษตรกร ในคอกใกล้เคียง เพื่อลดความเสี่ยงของโรคระบาด โดยพบว่าเป็นโรคพีอาร์อาร์เอส
ทั้งนี้ โรคพีอาร์อาร์เอส เป็นเชื้อไวรัส ที่โรคระบาดในของสุกรแต่ไม่ติดต่อสู่คน ดังนั้นในพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด อาทิ ในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จากการเฝ้าระวังโรคเชิงรุก แต่ยังไม่พบสุกรป่วยตายผิดปกติ
“ในโซเซียล มีการลงรูปภาพและรายละเอียดของสุกรตายจำนวนมาก อาจสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนทั่วไป เบื้องต้นอาจเป็นขบวนการทำให้คนตื่นกลัว และส่งผลให้ราคาสุกรลดลง ข่าวดังกล่าวบิดเบือนจากความจริง”
ด้านนายสุชาติ มูลสวัสดิ์ ปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวหลังลงลงพื้นที่ร่วมกับ ปศุสัตว์อำเภอสบเมย เจ้าหน้าที่ อบต.แม่สามแลบ เพื่อติดตามสาเหตุการตายของหมู่ในพื้นที่บ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยเริ่มตายครั้งแรก 5 ตัว ว่า เบื้องต้น ได้มีการทำลายหมูไปแล้ว 25 ตัว โดยการยินยอมของเจ้าของสัตว์เลี้ยง
ทั้งนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ยินยอมให้ทางเจ้าหน้าที่ทำลายสัตว์เลี้ยงก็จะได้ค่าชดเชย 75% เพื่อเป็นการหยุดยั้งการระบาดของโรค ซึ่งเบื้องต้นผลการตรวจหาเชื้อพบว่า เป็นโรคประจำถิ่น (PRRS) ที่สามารถเกิดขึ้นได้และจะทำให้สัตว์เลี้ยงล้มตายติดต่อกัน และ มีบางส่วนที่ไม่ทำลายและขอเลี้ยงต่อ
เกษตรกรเลี้ยงสัตว์ที่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ทำลายก็จะได้รับเงินค่าชดเชยตามระเบียบ ส่วนผู้ที่ไม่ยินยอม ก็จะได้มีการทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน หากพบสัตว์เลี้ยงล้มตายภายหลังก็จะไม่สามารถขอรับเงินชดเชยตามระเบียบของทางราชการได้ และทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำ ให้ควบคุมพื้นที่สกัดฆ่าฝังกลบไปแล้วบางส่วน เพื่อป้องกันการระบาด และแจ้งคุมการอพยพเคลื่อนย้าย ห้ามชาวบ้านนำเนื้อมาทำอาหารเด็ดขาด