เปิดโปงต้นตอ 'โควิด-19' ระลอกใหม่ 'เกาหลีใต้'
เปิดโปงต้นตอ 'โควิด-19' ที่กลับมาระบาดอีกระลอกในเกาหลีใต้ จนทุบสถิติใหม่สูงสุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เกาหลีใต้ ประเทศที่เคยได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างในการรับมือกับการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ขณะนี้กลับมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกครั้ง เนื่องจากความไม่ไว้วางใจและการได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับมาตรการกักโรคของรัฐบาลในหมู่สมาชิกอนุรักษนิยมของคริสตจักรแห่งหนึ่งในกรุงโซล
ณ เวลาเที่ยงคืนเข้าเช้าวันพฤหัสบดี (27 ส.ค.) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (KCDC) รายงานพบผู้ติดโควิด-19 ยืนยันผล 441 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กลายเป็นสถิติรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. และดันยอดสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 18,706 ราย
ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นเป็นสามหลักตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. ซึ่งแม้จะเป็นสถิติที่ต่ำกว่าหลายพื้นที่ในโลก แต่ความวิตกกังวลที่จะเกิดการระบาดระลอก 2 นั้นมีมากกว่าที่เคย เนื่องจากความเข้าใจผิดของผู้นมัสการที่ขัดขวางความพยายามในการกักโรคของรัฐบาล
- หลบหนีจากโรงพยาบาล
ชายชาวเกาหลีใต้คนหนึ่งที่ติดเชื้อโควิดได้แอบหนีออกไปจากโรงพยาบาลในจังหวัดคย็องกี ระหว่างเข้ารับการรักษา ประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 18 ส.ค. และเดินทางโดยรถประจำทางไปยังกรุงโซล
รายงานระบุว่า ชายคนนี้เป็นผู้ได้รับผลทดสอบโรคโควิด-19 เป็นบวกรายแรกที่หนีออกจากโรงพยาบาล ทั้งยังปิดโทรศัพท์เพื่อป้องกันไม่ให้ตำรวจติดตามตัว
ผู้ป่วยรายนี้ถูกจับได้ช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 19 ส.ค. ที่ร้านกาแฟที่มีผู้คนพลุกพล่านในกรุงโซล ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะแพร่เชื้อไวรัสให้กับคนประมาณ 40 คน
ชายคนนี้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสหลังจากเข้าร่วมนมัสการที่โบสถ์ซารางเจอิลในกรุงโซล ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของการเกิดผู้ติดเชื้อใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ ทั้งยังแพร่เชื้อไปยังครอบครัวของเขาด้วย
นอกจากนี้ยังมีหญิงชาวเกาหลีใต้ช่วงวัย 40 ปีที่ตรวจพบการติดเชื้อไวรัสนี้เป็นบวก ก่อนจะกัดแขนสามีและหลบหนีไปในช่วงเที่ยงของวันที่ 17 ส.ค. เธอปฏิเสธที่จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
หญิงคนดังกล่าวซึ่งเป็นพลเมืองจังหวัดคย็องซังเหนือ ถูกจับได้ประมาณ 4 ชั่วโมงต่อมาที่สวนสาธารณะใกล้เคียง โดยก่อนหน้านั้น เธอได้เข้าพักอยู่ในโบสถ์ที่กรุงโซลตั้งแต่เดือน มี.ค.
พฤติกรรมที่อธิบายไม่ได้ของพวกเขามาจากความไม่ไว้วางใจและการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับรัฐบาล พวกเขาเชื่อว่ารัฐบาลจงใจทำให้สมาชิกคริสตจักรที่ไม่ติดเชื้อมีผลทดสอบออกมาเป็นบวกเพื่อทำลายโบสถ์ที่นำโดย จุน ควาง ฮูน บาทหลวงขวาจัด
“ผมคิดว่า (รัฐบาล) ตราหน้าคนกลุ่มนั้น (สมาชิกคริสตจักร) ที่ป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดาหรือปอดบวมว่าติดโควิด-19 เราไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้เพราะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ป่วย พวกเขา (รัฐบาล) มีเจตนาที่จะสร้างความเสียหายให้กับ ศิษยาภิบาล” ผู้ประกาศข่าวท้องถิ่นเอ็มบีซีรายงานคำพูดของสมาชิกคริสตจักรคนหนึ่ง
- "ไวรัสก่อการร้าย" จากภายนอก
การได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจนก่อเกิดความไม่ไว้วางใจในหมู่ผู้บูชาศาสนามีต้นตอมาจาก จุน ชายผู้ได้รับผลทดสอบเป็นบวกและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งกล่าวอ้างว่าตัวเขาเองได้ล่วงรู้ความลับ 5 ประการเกี่ยวกับ "การใช้ไวรัสก่อการร้าย" จากภายนอกสู่โบสถ์ซารางเจอิล
จุนเข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งมีคนมาร่วมจำนวนมหาศาลใกล้จัตุรัสควางฮวามุน ณ ใจกลางกรุงโซล เขายังอ้างว่า ตราบใดที่ทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย ก็จะไม่มีการติดเชื้อเกิดขึ้นในสถานที่กลางแจ้ง พร้อมกระตุ้นให้สมาชิกคริสตจักรและกลุ่มอนุรักษนิยมเข้าร่วมการชุมนุม
สื่อโทรทัศน์ถ่ายทอดคลิปของผู้ประท้วงหลายหมื่นคนรวมตัวกันที่จัตุรัส บ้างยืนบ้างนั่งเคียงข้างกัน พวกเขาส่วนใหญ่สวมหน้ากาก แต่บางคนก็ถอดหน้ากากออกมา ทั้งยังมีบางส่วนถึงกับกินอาหารระหว่างการชุมนุม
ณ วันพุธ (26 ส.ค.) ยอดสะสมผู้ป่วยยืนยันผลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมในวันที่ 15 ส.ค. แตะที่ 193 ราย โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในเขตมหานครโซล ทั้งยังมีมากกว่า 30 รายที่พบในจังหวัดอื่นๆ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการอยู่ในจัตุรัสวันนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายระหว่างการชุมนุม
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ออกมาเตือนก่อนการชุมนุมให้ระวังอันตรายจากการระบาดใหม่อีกครั้ง แต่ผู้จัดงานกลับเพิกเฉยคำเตือนดังกล่าว หนังสือพิมพ์อนุรักษนิยมรายใหญ่ยังประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่ขับเคลื่อนโดยนักการเมือง กลุ่มพลเมือง และสมาชิกคริสตจักรอนุรักษ์นิยมทั่วประเทศ เพื่อดึงดูดความสนใจของสาธารณชนด้วย
ยอดสะสมผู้ติดเชื้อที่ตรวจสอบย้อนกลับไปยังโบสถ์ซารางเจอิลได้นั้นอยู่ที่ 915 ราย ณ วันพุธ โดยผู้ป่วยรายแรกที่ได้รับการยืนยันจากคริสตจักรถูกพบเมื่อวันที่ 12 ส.ค. และนับแต่นั้นมา ตัวเลขก็เพิ่มขึ้นเป็นสองหลัก
ก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้ถูกมองว่าเป็นต้นแบบสำหรับการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากระบบการทดสอบที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การติดตามผู้มีประวัติติดต่อกับผู้ติดเชื้ออย่างกว้างขวาง ความโปร่งใสและความไว้วางใจของประชาชนในความพยายามกักโรคของรัฐบาล และความช่วยเหลือจากระบบที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลงเหลือเพียง 2 รายในวันที่ 6 พ.ค. หลังทะยานสู่จุดสูงสุดที่ 909 รายในวันที่ 29 ก.พ.
อย่างไรก็ตาม ระบบดังกล่าวดูเหมือนจะไม่สามารถใช้การได้แล้ว จอง อึน คย็อง ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลีกล่าวกับสื่อมวลชนเมื่อวันอาทิตย์ (21 ส.ค.) ว่า การกลับมาระบาดใหม่ในปัจจุบัน "ยังไม่ถึงจุดสูงสุด" พร้อมย้ำเตือนการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. และ มี.ค.