3 ขั้นตอนกำจัดเชื้อราในบ้าน
กรมอนามัย แนะประชาชนที่ประสบภัยฟื้นฟูสภาพแวดล้อมหลังน้ำลด ทำความสะอาดบ้าน ลดปัญหาเชื้อราสะสม หวั่นส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้ แม้บางพื้นที่จะยังประสบปัญหาอุทกภัย แต่ก็มีอีกหลายจังหวัดที่สถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติ ประชาชนในพื้นที่จึงควรเร่งทำความสะอาดบ้านเรือน และสถานที่สาธารณะต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบ เพราะในช่วงน้ำท่วม น้ำจะพัดพาสิ่งสกปรกมาจากทุกสารทิศ ทั้งโคลนตม ขยะ วัสดุ สิ่งของต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดการหมักหมม อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการระบาดของโรคได้ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของประชาชน
จึงต้องมีการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยด้วยการรื้อและล้างให้สะอาดปลอดภัยตามหลักสุขาภิบาล เพราะหากปล่อยไว้นานจะกลายเป็นแหล่งสะสมและแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อราซึ่งพบได้หลังน้ำลดตามบริเวณพื้น ฝาผนัง เฟอร์นิเจอร์ ที่นอน หมอน พรม รวมถึงตู้แช่อาหาร ตู้เย็น จำเป็นต้องได้รับการรื้อและล้างทำความสะอาด อย่างเร่งด่วน ส่วนตู้ไม้ที่ชำรุดเสียหายไม่สามารถใช้งานได้อีก ควรรวบรวมไว้ในแหล่งเดียวกันเพื่อรอการกำจัดจากหน่วยงานราชการต่อไป
ก่อนเข้าไปในบ้านต้องสำรวจตรวจสอบความเสียหายและมั่นใจว่าโครงสร้างของบ้านมีความมั่นคงแข็งแรง เปิดประตู หน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเทและลดกลิ่นเหม็นอับ ส่วนเครื่องใช้ เครื่องเรือน เครื่องนอน และเฟอร์นิเจอร์ เช่น ฟูกที่นอน หมอน พรม ควรทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคด้วยการนำไปตากแดด
สำหรับการกำจัดเชื้อราในบ้าน ทำได้ 3 ขั้นตอน คือ 1) พื้นผิววัสดุที่พบเชื้อราให้ใช้กระดาษทิชชู แผ่นหนาและขนาดใหญ่ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ พรมน้ำให้เปียกเล็กน้อย เช็ดพื้นผิวไปในทางเดียว แล้วนำกระดาษทิชชูหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ดังกล่าว ทิ้งลงในถังขยะที่ปิดมีฝามิดชิด
2) ใช้กระดาษทิชชูแผ่นหนาและขนาดใหญ่ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ชุบน้ำผสมสบู่หรือน้ำยาล้างจาน เช็ดซ้ำในจุดที่มีเชื้อราอีกครั้ง
3) ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อรา เช่น น้ำส้มสายชู 5–7 เปอร์เซ็นต์ หรือแอลกอฮอล์ ความเข้มข้น 60-90 เปอร์เซ็นต์ เช็ดทำความสะอาด เพื่อเป็นการทำลายเชื้อในขั้นตอนสุดท้าย
ทั้งนี้ ต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย สวมหน้ากาก ถุงมือยางและรองเท้าบูททุกครั้ง หลังจากการล้างทำความสะอาดบ้าน และกำจัดเชื้อราแล้ว ควรอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดทันที เพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยดี