สภาฯรุมถล่ม 'รัฐบาลล้มเหลว' ก่อวิกฤติการเมือง-เศรษฐกิจ
อภิปรายทั่วไป สภาฯ รุมถล่มนายกฯ ก่อวิกฤติการเมือง-เศรษฐกิจ “เพื่อไทย” ซัดเอื้อนายทุนผูกขาดธุรกิจหลายโครงการ นายกฯสวนทันควันเป็นสัญญาจากรัฐบาลก่อนหน้า ปัดรับผลประโยชน์ ส่วนเศรษฐกิจดีต่อเนื่อง
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องวิกฤตทางทางาเศรษฐกิจและวิกฤตทางการเมืองโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 วานนี้ (9ก.ย.)ได้เริ่มขึ้นในเวลา 9.30 น. โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้เข้าร่วมรับฟังการประชุม
การอภิปรายเริ่มที่น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำเสนอญัตติ เรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ยกเลิกหมายจับเยาวชน นักเคลื่อนไหวทั่วประเทศ รวมถึงยุติการคุกคาม ปิดกั้นการแสดงความเห็น ปัญหาในประเทศที่เกิดขึ้นสร้างความกังวล ทั้งด้านเศรษฐกิจซึ่งรัฐบาลใช้การกู้ยืมเงินจำนวนมาก เป็นความเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะล้มละลาย
"ผมมองว่ายุทธศาสตร์ที่ไม่ตอบโจทย์ทำให้เกิดปัญหาด้านการจัดงบประมาณเพื่อแก้ปัญหา ดังนั้นจึงมีข้อเสนอแนะ คือ ลดรายจ่ายประจำ ลดจำนวนข้าราชการประจำที่เกินความเหมาะสม เพื่อนำเงินไปลงทุนสิ่งที่มีคุณภาพ” น.อ.อนุดิษฐ์ อภิปราย
ในช่วงท้ายน.อ.อนุดิษฐ์ ได้เรียกร้องไปยังพล.อ.ประยุทธ์ ขอให้เลิกก๊วนตีกอล์ฟในวันหยุด ทั้งนี้ระหว่างการอภิปราย น.อ.อนุดิษฐ์ ได้ชู 3 นิ้วกลางที่ประชุม เพื่อให้คำมั่นสัญญา และปฏิญาณตนต่อหน้าคนไทยทั้งประเทศว่า ขอคืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชน ใช้รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อหาทางออกประเทศ
อัดขยายสัมปทานบีทีเอสเอื้อทุน
ส่วนนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายใน 2 ประเด็นคือ 1.การไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง ไม่รักษาความสมดุล มีการก่อหนี้เพิ่ม โดยคาดว่าสิ้นปี 2564 จะมีการขาดดุลของงบประมาณ สูงถึง 58% และ 2.การดำเนินการที่ไม่ได้อยู่บนหลักนิติธรรม ทั้งกรณีการต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งมีการออกคำสั่งมาตรา 44 เป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ ให้บริษัทเอกชนบริษัทหนึ่ง มีการยกเว้น พ.ร.บ.ร่วมทุน รวมถึงแก้ไขสัญญา
ขณะเดียวกัน ก่อนที่นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง จะลาออกเมื่อ 15 ก.ค.2563 ได้ท้วงติงเรื่องดังกล่าว แต่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กลับลงนามสวนความเห็นนายอุตตม จากนั้นเมื่อนายปรีดี ดาวฉาย เข้ารับตำแหน่ง รมว.คลัง ก็ได้มีความเห็นขอให้ถอนเรื่องดังกล่าวเพื่อพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่กลับมีผู้ที่พยายามดันเรื่องนี้ จนกระทั่งนายปรีดีตัดสินใจลาออกในวันที่ 1 ก.ย.
“จีทูจี”เก๊จัดซื้อเรือดำน้ำทร.
ถัดมาประเด็นการจัดซื้อเรือดำน้ำ ขอเรียกร้องไปยังนายกฯ ในฐานะ รมว.กลาโหมให้นำเอกสารจีทูจี(ฟูลพาวเวอร์) ทั้ง 2 ฝั่งมาแสดงเพื่อเป็นการยืนยันว่า มีการจัดซื้อรูปแบบดังกล่าวจริง เพราะจัดการซื้อครั้งนี้ อาจเข้าข่ายเป็นจีทูจีเก๊ เนื่องจากบริษัท China Shipbuilding & Offshore International Co. Ltd (CSSC)ซึ่งกองทัพอ้างว่า ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีนมีข้อพิรุธอย่างมาก เพราะเป็นบริษัท ที่มาเปิดบริษัทที่ประเทศไทยด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทเป็นธุรกิจขนาดเล็กแล้วแบบนี้จะเป็นตัวแทนรัฐบาลจีนได้อย่างไร
ซัดเอื้อนายทุนพลังงาน
ขณะที่บรรยากาศช่วงค่ำเริ่มเข้มข้นเมื่อนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงกลุ่มทุนที่รัฐบาลเอื้อประโยชน์และทำให้เงินแผ่นดินสูญกว่า 10 ล้านล้านบาท ว่า มีเจ้าสัวชื่อย่อ ส. เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ด้านพลังงาน ร่ำรวยหลังจากการยึดอำนาจ
นอกจากนั้น ยังมีผู้ร่วมขบวนการ คือ นายพล น. นาย พ. และ นาย ศ. ที่ผูกขาดบริษัทพลังงาน กระทรวงพลังงาน ทั้งนี้ตอนยึดอำนาจ หัวหน้าคสช. สั่งสอบโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขนาด 5,000 เมกกะวัตต์ ที่จ.กระบี่ แต่หลังจากนั้นนายกฯ สั่งให้เดินหน้าต่อ เหมือนกับการจับบ่อน แต่เมื่อบ่อนเจรจากลับให้ดำเนินการต่อ นอกจากนั้นยังมีอีกหลายโปรเจคขนาดใหญ่ที่รัฐบาลเอื้อเจ้าสัว
“การกระทำนั้นเอื้อเจ้าสัว เจ้าสัวรายนี้ร่วมมือกับนายกฯ ยึดเหมาเข่ง ทั้ง บริษัท ปตท. และยึดข้ามกระทรวง ล่าสุดที่มีปัญหาตั้งอธิบดีกรมสรรพสามิตร เกี่ยวข้องกับเจ้าสัว ส. ที่เป็นนายทุนเจ้าของพรรค ซึ่งพรรคนี้ชวนให้ผมไปอยู่ ระบุว่าจะแจกเงินเดือนละ 2 แสนบาท ผมบอกว่าไม่เอา จะให้ 2 ล้านบาทก็ไม่ไป ซึ่งผมมีหลักฐาน หากไม่จริงให้เถียง วันนี้ประชาชนฝากมาบอกว่า นายกฯ ไม่ต้องลาออก แต่เผด็จการประยุทธ์ต้องออกไป” นายศรัณย์วุฒิ อภิปราย
นายกฯสวนกลับข้อตกลงรบ.ก่อน
ทำให้ พล,อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า กรณีที่นายศรัณย์วุฒิ กล่าวหาว่าได้รับผลประโยชน์เรื่องโรงไฟฟ้า ยืนยันว่าไม่ได้ผลประโยชน์ เป็นข้อตกลงตั้งแต่รัฐบาลก่อนหน้านี้ ตกลงไว้ 5,000 เมกะวัตต์ เมื่อตนเองเข้ามาก็สั่งทบทวน เพราะพิจารณาจากข้อกฎหมายต่างๆ แล้วเสียเปรียบทุกอย่าง
นอกจากนี้นายกฯยังกล่าวย้ำถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่า ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง 3 เดือน แต่เดือนพ.ค.- ก.ค. อัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตร ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น คนว่างงานลดลง แต่ยอมรับว่า มีการคาดการณ์จีดีพีปีนี้ ลดลงร้อยละ 7.5 ยืนยันว่าตนพร้อมรับฟังส.ส.ในมุมมองของส.ส. แม้จะอยู่ฟังในห้องประชุมจำนวนน้อยก็ตาม
“ผมขอพูดสักหน่อย ว่าอย่ารังเกียจทหาร ขอให้เขาภาคภูมิใจในอาชีพ และการทำงานที่เสียสละ อดทน มีหลายคนเป็นทหารมาก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงโจมตี ผมขออย่าแยกทหารออกจากประชาชน อย่าบอกว่าทหารมีแค่ปฏิวัติ” พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง
“บิ๊กช้าง”ยันซื้อเรือดำน้ำชอบด้วยกม.
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงกรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำกว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นเกี่ยวกับความเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศว่า ในกรณีนี้เป็นร่างข้อตกลงระหว่างเป็นการซื้อขายเชิงพาณิชย์ จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศและรัฐธรรมนูญมาตรา178 เมื่อต้องด้วยรัฐธรรมนูญจึงไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาหรือขอหนังสือมอบอำนาจเต็มหรือ ฟูลพาวเวอร์สรุปกองทัพเรือจึงดำเนินการได้
“สันติ”เดินหน้าขยายสัมปทานบีทีเอส
ขณะที่นายสันติยืนยันว่า การขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวอัยการได้มีการตรวจสอบร่างสัญญาตามที่กทม.เสนอแล้วส่วนข้อคิดเห็นของนายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลังซึ่งได้เสนอก่อนการลากออกเพียง1วันนั้นในวันถัดมานายอุตตมได้ขอถอนความเห็นเพื่อให้รัฐมนตรีใหม่มีอิสระในการแสดงความคิดเห็น ดังนั้นตนในฐานะรักษาการรมว.คลังก็ได้นำข้อคิดเห็นมาประกอบการพิจารณาก่อนเสนอต่อครม.
เมื่อนายปรีดีเริ่มปฏิบัติหน้าที่วันแรกคือวันที่13ส.ค. เรื่องดังกล่าวได้ถูกเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม. แต่นายปรีดีเห็นว่า ยังไม่ได้ดูเรื่องดังกล่าวจึงขอนำกลับไปพิจารณาก็เท่านั้น ซึ่งจนถึงขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อความรอบคอบ
ปิดสวิตช์ส.ว.ล่มส.ส.แห่ถอนชื่อ
การยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกเลิกการให้ส.ว.ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272ที่นำโดยพรรคก้าวไกลและส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงส.ส.รัฐบาลรวม99 คน ล่าสุดมีรายงานว่า บรรดาส.ส.ที่ร่วมลงชื่อทยอยถอนชื่อ จนทำให้มีจำนวนส.ส.ที่เข้าชื่อไม่ถึง98คน จากจำนวนส.ส.ในสภา488 คน หรือจำนวน1ใน5 ของสมาชิกที่เหลืออยู่ในสภาฯตามทีี่กำหนดไว้ในมาตรา256(1) แห่งรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดมีส.ส.ถอนชื่อแล้วอย่างน้อย 5 คน ประกอบด้วย นายจุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.พรรคประชาธิปไตยใหม่ นายพิเชษฐ์ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย และนายพีระวิทย์ เรื่องรือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม
ขณะเดียวกัน ยังมีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ร่วมลงชื่ออีก 11 คนจากทั้งหมด 16 คน ขอถอนชื่อออกด้วย โดยคาดว่า จะส่งเอกสารอย่างเป็นทางในวันนี้(10ก.ย.)นี้
ขณะเดียวกันแกนนำพรรคเพื่อไทยได้ประสานทางวาจากับแกนนำพรรคก้าวไกล เพื่อขอให้มาร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีการยื่นเพิ่มเติมต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ วันนี้(10ก.ย.)เวลาประมาณ 13.30น.
เช่นเดียวกับนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยอมรับว่า การถอนชื่อของส.ส.จะทำญัตติไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้ยินดีกับพรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติแก้ไขเพิ่มเติม โดยมีเรื่องการปิดสวิตช์ ส.ว.ดังนั้น หากเรื่องดังกล่าวทันต่อการบรรจุวาระประชุมในสมัยประชุมนี้ พรรคยืนยันสนับสนุนและยินดีร่วมลงชื่อ