เปิดงบ EEC 2.2 หมื่นล้าน ดันลงทุนภาครัฐ-เอกชนปี 64
การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ และเตรียมเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2-3 ก่อนที่จะมีการประกาศใช้ในวันที่ 1 ต.ค.2563
การจัดทำงบประมาณในส่วนแผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในปีงบประมาณ 2564 ได้เสนอวงเงิน 22,712 ล้านบาท เงินนอกงบประมาณ 817 ล้านบาท และภารกิจสนับสนุน 775 ล้านบาท เพื่อพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้สะดวก และจะพัฒนาเมืองให้น่าอยู่ มีความทันสมัยระดับนานาชาติ เสริมสร้างบทบาทของประเทศไทยในฐานะประตูของภูมิภาคเอเชียในบริบทโลก
สำหรับเป้าหมายของงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวต้องการให้เกิดการลงทุนจากภาครัฐและภาคเอกชนในอีอีซี (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง) ไม่น้อยกว่า 300,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 6 แนวทาง ประกอบด้วย
1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบสาธารณูปโภค รวมงบประมาณรายจ่าย 18,413 ล้านบาท รวมเงินนอกงบประมาณ 740 ล้านบาท โดยจะพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง (ถนน ราง น้ำ อากาศ) มีความพร้อม สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจอย่างไร้รอยต่อ 4 ระบบ คือ
โครงสร้างพื้นฐานทางถนนไม่น้อยกว่า 191 กิโลเมตร พัฒนาศักยภาพท่าเรือน้ำลึกเพื่อยกระดับสู่มาตรฐาน 1 แห่ง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการขนส่งทางรางไม่น้อยกว่า 220 กิโลเมตร การพัฒนาขีดความสามารถท่าอากาศยานสู่มหานครการบิน 1 แห่ง
นอกจากนี้ จะเริ่มลลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) โดยจะมีการรื้อย้ายสาธารณูปโภคในพื้นที่ก่อสร้างของหลายหย่วยงาน เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)
รวมทั้งผลักดันระบบสาธารณูปโภคได้รับการพัฒนามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น พัฒนาระบบประปาเพิ่มขึ้น 11 แห่ง และผู้ใช้น้ำในพื้นที่ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 8,760 ครัวเรือน
2.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล รวมงบประมาณรายจ่าย 81.07 ล้านบาท โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตั้งสถาบันไอโอที เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลแห่งอนาคต
3.การพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมงบประมาณรายจ่าย 106 ล้านบาท รวมเงินนอกงบประมาณ 9 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายให้มีผู้มาเยือนอีอีซีชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น 10% และมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่เพิ่มขึ้น 1 แห่ง มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และเมืองพัทยา
4.การพัฒนาบุคลากร การศึกษา การวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมงบประมาณรายจ่าย 3,043 ล้านบาท โดยจะผลิตและพัฒนาบุคลากรมีคุณภาพ รองรับความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมายไม่น้อยกว่า 28,000 คน รวมทั้งผู้ประกอบการและบุคลากรในอาชีพได้รับการพัฒนาไม่น้อยกว่า 17,000 คน บุคลากรและเยาวชนในระบบการศึกษาได้รับการพัฒนาไม่น้อยกว่า 11,000 คน
รวมทั้ง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จะผลักดันโครงการพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซีไอ) รวมทั้งมีโครงการพัฒนาทักษะด้าน Industrial Internet of Things (IIoT) แบบเข้มข้นสำหรับบุคลากรระดับอาชีวศึกษา โครงการพัฒนาความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลแก่ครูและเยาวชนในอีอีซี และโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้โรงเรียนในอีอีซี
ในขณะที่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จะผลักดันโครงการยกระดับศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่ออุตสาหกรรมอนาคต (AI อาชีวะ) ในอีอีซี
5.การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ สิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข รวมงบประมาณรายจ่าย 962 ล้านบาท รวมเงินนอกงบประมาณ 68 ล้านบาท โดยจะยกระดับระบบสาธารณสุขในอีอีซีสู่มาตรฐานสากล รองรับความต้องการของประชากรในพื้นที่ 5 แห่ง โดยกรมควบคุมโรคจะดำเนินโครงการพัฒนาการเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพในอีอีซี
รวมทั้งยกระดับสภาพแวดล้อมเมืองเดิมให้เป็นเมืองอัจฉริยะอย่างน้อย 1 แห่ง โดยกองทัพเรือจะดำเนินโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ สิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข ในขณะที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลจะผลักดันโครงการเมืองน่าอยู่อีอีซี
และพัฒนาระบบการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชนเมืองที่มีประสิทธิภาพ 1 ระบบ (ขยะ น้ำเสีย อากาศ)
6.การพัฒนา ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมงบประมาณรายจ่าย 106 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายสร้างมูลค่าคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท รวมทั้งสร้างการรับรู้ของประชาชนในพื้นที่ที่มีต่ออีอีซี 70% ซึ่งมีหน่วยงานดำเนินการ คือ กรมวิทยาศาสตร์บริการ กรมการปกครอง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)