5 นปช.-เชาวรินธร์ พ้นคุก เข้าหลักเกณฑ์ 'อภัยโทษ'
เรือนจำกรุงเทพ เตรียมปล่อยตัว “5 แกนนำนปช.-ร.ต.ท.เชาวรินธร์” พ้นคุก หลังเข้าหลักเกณฑ์เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี-อายุเกิน 60 ปี ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เตรียมปล่อยตัวล็อตแรก 15 ก.ย.นี้
วานนี้ (13ก.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เรือนจำจะได้ปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีสำคัญ จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย 1.นพ.เหวง โตจิราการ 2.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ 3.นายวรชัย เหมะ 4.ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักย์ศิริ 5.นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ6.นายพายัพ ปั้นเกตุ ซึ่งเป็นกลุ่มนักโทษคดีการเมืองและอดีตรัฐมนตรี โดยทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวตามมาตรา 6 (1) และ (2) (จ) เช่นเดียวกับผู้ต้องราชทัณฑ์อื่นๆ ที่เข้าเกณฑ์ได้รับการปล่อยตัวประมาณ 27,000 คน โดยผู้ต้องขังจะที่เตรียมการปล่อยตัวจะต้องทยอยเข้ารับการอบรมเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ในโครงการโคกหนองนา เป็นเวลา 15 วัน
โดย นพ.เหวง นายวีระกานต์ และนายวรชัย ซึ่งเข้ารับการอบรมรุ่นแรก จะได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ส่วน ร.ต.ท.เชาวรินทร์ นายวิภูแถลง และนายพายัพ จะเข้ารับการอบรมรุ่นที่ 2 ในวันที่ 16 ก.ย. นี้ จากนั้นจะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 30 ก.ย.นี้
ทั้งนี้ พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2563 ตามมาตรา 6 (1) ผู้ต้องโทษจำคุก ไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษ ที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด
ส่วน (2)ผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้(จ) เป็นคนมีอายุไม่ต่ำกว่า 60 ปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร หรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำ ในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดีซึ่งมีโทษจำคุก ตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกิน 3 ปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ หรือเป็นคนมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีของนพ.เหวง,นายวีระกานต์,นายวิภูแถลง เป็นอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ต้องคำพิพากษาในคดีชุมนุมปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อปี 2550 ซึ่งเคยเป็นบ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อเรียกร้องกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง
ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ
โดยศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลย มีพฤติการณ์ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองเป็นเรื่องร้ายเเรง ที่จำเลยทั้งหมดขอให้ลงโทษสถานเบาเเละรอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น ศาลเห็นพ้องกับที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษ พิพากษายืนจำคุกจำเลยทั้งหมดคนละ2ปี8เดือน
ในส่วนของนายวรชัยและนายพายัพนั้น ต้องคำพิพากษาในคดีกรณีร่วมกันชุมนุมบุกล้มการประชุมอาเซียน เมื่อปี 2552 ในข้อหา1.ร่วมกันขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งสั่งให้เลิกการมั่วสุม 2.ข้อหาร่วมกันเดินแถวเป็นขบวน และกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร 3.ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ และมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่ก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
และ4.มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยเป็นหัวหน้า เป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำผิดนั้น และ 5.ร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ โดยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216, 358, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 108, 114, 148
โดยศาลฎีกาตัดสินจำคุกเป็นเวลา 4 ปีโดยไม่รอลงอาญา
สำหรับ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ อดีตรมช.ศึกษาธิการ ถูกศาลฎีกาพิพากษา2 ปี คดี ฉ้อโกงเงินค่าสั่งซื้อปูนซีเมนต์บริษัทสัญชาติกัมพูชากว่า 11 ล้านบาท หลักฐานมัดเปลี่ยนแปลงข้อมูล ใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าใหม่ เป็นโอนเงินเข้าบัญชีสมาคมวัฒนธรรมวิถีพุทธไทย-จีนที่ตัวเองเป็น นายกสมาคมฯ หลังจากนั้นโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง นอกจากถูกจำคุกแล้วยังต้องจ่ายเงินคืนบริษัทคู่กรณีทั้งหมดด้วย