ที่ดินภูเก็ตยืนยัน 'ศรีพันวา' ได้เอกสารสิทธิถูกต้อง
ที่ดินภูเก็ตตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบที่ดินของ “ศรีพันวา” เป็นโฉนด 2 แปลง และ น.ส.3 ก 6 แปลง รวมเนื้อที่ กว่า 56 ไร่ ไม่พบอยู่ในที่ดินของรัฐทุกประเภท
สืบเนื่องจากกรณีที่มีผู้ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่า ที่ดินแปลงที่ตั้งของโรงแรมศรีพันวา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงแรมหรูและมีชื่อเสียงระดับโลก ว่ามีการเอกสารสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ และการก่อสร้างเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ภายหลังจากนายวรสิทธิ์ อิสระ หรือนายปลาวาฬ ผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมศรีพันวา ออกมาแสดงความคิดกรณีการชุมนุมประท้วงเมื่อวันที่ 19-20 กันยายน 2563
จากการตรวจสอบข้อมูลกับทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ทราบเบื้องต้นว่า ที่ตั้งของโรงแรมมีเอกสารสิทธิถูกต้อง ประกอบด้วย น.ส.3 จำนวน 6 แปลง (ในจำนวนดังกล่าวยังมีแปลงอีกเล็กๆ อีกหลายแปลง) เนื้อที่รวม 50 ไร่เศษ และโฉนด จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ประมาณ 5-6 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 56 ไร่ อย่างไรก็ตามมีการตรวจสอบเบื้องต้น ที่ดินทั้งหมดไม่ได้อยู่ในที่ดินของรัฐทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้หรืออุทยานฯ ตลอดจนไม่ทับซ้อนกับที่ดินของหน่วยงานใด
อย่างไรก็ตามจากการพูดคุยกับแหล่งข่าวในพื้นที่ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ระบุว่า ที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงแรมดังกล่าว เดิมเป็นของชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 8 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นแปลงเล็กๆ จำนวนหลายแปลง มีเอกสารสิทธิ์ ทั้ง น.ส.3 และ น.ส.3 ก. ก่อนที่บางแปลงจะมีการนำไปออกโฉนดภายหลัง โดยในส่วนของ “ศรีพันวา” มาซื้อเป็นลำดับที่ 3 และ 4 ซึ่งมีการดำเนินในเรื่องของเอกสารสิทธิมาก่อนหน้าแล้ว ทราบว่าที่ผ่านมาก็เคยมีการขอให้ตรวจสอบมาแล้วหลายครั้ง
นอกจากการจากการตรวจสอบข้อมูล การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทราบว่า มีการจัดทำอย่างถูกต้อง โดยที่ตั้งของโรงแรมอยู่บริเวณที่ 6 ได้แก่ พื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 40 เมตร ถึง 80 เมตร ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2560 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีความสูงไม่เกิน 80 เมตรจากระดับน้ำในทะเลตามที่กฎหมายกำหนด จึงสามารถก่อสร้าง และในการขออนุญาตก่อสร้างได้มีการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กฎหมายเช่นกัน
สอดคล้องกับข้อมูลแหล่งข่าว ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ระบุว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของชาวบ้านในพื้นที่ดั้งเดิมซึ่งส่วนใหญ่มีเอกสารสิทธเป็นนส.3 และ นส.3 ก. ซึ่งมีหลายแปลง และพบว่ามีการซื้อขายกันเป็นแปลงเล็กๆ และขายมาเป็นทอดๆ สะสมไว้หลายปีจากที่ดินแปลงเล็กๆก็มีการรวมเป็นแปลงใหญ่ในภายหลังและออกโฉนดในที่สุด โดย “ศรีพันวา” มาซื้อเป็นรายที่ 3 และ 4 แล้ว ซึ่งมีการออกโฉนดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ทราบว่ามีการตรวจสอบมาแล้วหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม ถามว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการถูกร้องเรียนหรือไม่นั้น แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่าไม่พบว่ามีการร้องเรียน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวส่วนหนึ่งติดกับที่ดินของรัฐซึ่งปัจจุบันมีการสร้างอควารียมหรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำภูเก็ต