ปธ.เครือสารสาสน์ลั่นเป็นครูตั้งแต่อายุ 18 ไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู
อึ้งทั้งรายการ! ปธ.เครือสารสาสน์ ลั่นเป็นครูตั้งแต่อายุ 18 ทุกวันนี้ก็ไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู ด้าน "รมช.ศธ." ได้ฟังวิธีคิด ถึงกับพูดไม่ออก บอกเป็นข้อมูลที่ตัดสินใจได้เร็วขึ้น
รายการโหนกระแส ทางช่อง 3 HD โดยพิธีกร หนุ่ม กรรชัย ได้เชิญกลุ่มผู้ปกครองของเด็กนักเรียนโรงเรียนสารสาสน์วิเทราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ที่ถูกคุณครูทำร้าย รวมถึง ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) มาพูดคุยในรายการ
ทั้งนี้มีประเด็นใหม่เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ปกครองได้แจ้งความกรณีคุณครูโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ใช้ด้ามไม้กวาดตีเด็กนักเรียนชั้น ป.2 จำนวน 39 คน จนด้ามหัก โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา
โดยจากการพูดคุยจากฝั่งผู้ปกครองที่ได้เปิดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ หลังจากได้ฟังก็รู้สึกตกใจ โดยทาง รมช.ศธ. ได้เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.2563) ตนได้เข้าไปฟังตัวแทนทางโรงเรียนที่มาเจรจา ปรากฏว่า ไม่มีข้อสรุป ไม่มีการตอบคำตอบให้มั่นใจ รับปากไปแล้วก็เปลี่ยนคนมา ซึ่งไม่มีความชัดเจน คุยกันนานหลายชั่วโมง ซึ่งนอกจากผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบโดยตรงแล้ว ยังมีผู้ปกครองจากชั้นอื่นมาอีกมากมายที่มาร้องเรียน
ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ เล่าต่อว่าในเรื่องของการยุติให้โรงเรียนสารสาสน์หยุดแผนกอนุบาลไปก่อนมีความเป็นไปได้หรือไม่นั้น ตอนนี้ตามข่าวที่ออกมา แนวทางเป็นไปได้สูงซึ่งอาจต้องเข้าไปถึงควบคุมโรงเรียน หรือมีการให้ปิดโรงเรียนไว้ก่อน ตนกำลังหารือว่า เราทำแบบนั้นได้หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับทางด้าน พ.ร.บ.การศึกษา
ส่วนเรื่องที่ประชาชนกลัวว่าจะเป็นมวยล้มต้นคนดู ดร.กนกวรรณ ยืนยัน ไม่ล้มแน่นอน ตนเอาตัวเองและตำแหน่งรับผิดชอบ ส่วนเรื่องครูที่ชิงลาออก หรือถูกไล่ออกไปนั้น จะไม่สามารถกลับมาเป็นครูได้แล้ว ติดแบล็กลิสต์แน่นอนสิ่งใดที่ผิดก็ดำเนินคดีและรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ในช่วงหนึ่งที่ทางพิธีกร หนุ่ม กรรชัย สัมภาษณ์ผ่านวิดีโอคอลกับ นายพิบูลย์ ยงค์กมล ประธานอำนวยการโรงเรียนในเครือสารสาสน์ และเปิดโอกาสให้ทาง ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ ถามซึ่ง ครูพี่โอ๊ะ ถามว่า "ถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นลูกท่านที่โดนครูกระทำแบบนี้ท่านจะดำเนินการอย่างไร" ซึ่งนายพิบูลย์ ก็ตอบว่า "ผมคิดว่ายังตอบไม่ได้ แต่ก็ทำตามผู้ปกครองทำก็ดีแล้วไง อย่าติ๊ต่างไปในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันเกินเหตุไปมาก"
เมื่อ ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ ถามต่อว่า วันนี้ในการส่งตัวแทนมาเจรจา ซึ่งก็คือ คุณสุทธิพงษ์ (ลูกชายนายพิบูลย์) และคณะผู้บริหารได้นำหนังสือมายื่นบอกว่าไม่สบาย เป็นลูกสาวท่านหรือไม่ที่ไม่สบาย? ซึ่งนายพิบูลย์ ก็ตอบว่า "ผมไม่รู้จริงๆ"
เมื่อถามว่า กรณีตีเด็ก 39 คน มีความคิดเห็นอย่างไรนั้น ประธานอำนวยการโรงเรียนในเครือสารสาสน์ ระบุว่า เป็นความผิดพลาดของครู ผู้บริหาร สั่งไปแล้วทำไมไม่ดูแล เราก็ต้องแก้ไข ผมก็แก้ไขแล้วไง ปรับเปลี่ยนคนดูแล
เรื่องใบประกอบวิชาชีพครูถ้าไม่มีเราก็ขอผ่อนผันเอา ระเบียบนี้เพิ่งมา ครูทั่วประเทศก็ไม่มี แม้แต่ตนเองเป็นครูตั้งแต่อายุ 18 ปี จนเดี๋ยวนี้ก็ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ตนไม่มีหรอก สำหรับการเยียวยาก็ให้ตามเนื้อผ้า ตามความเป็นจริง ไม่ใช่เอาความโกรธแค้นมาใส่แบบนี้มันไม่ถูก ทำอะไรต้องพอสมควร ต้องคิดถึงอกเขา อกเรา จะคิดถึงฝ่ายเดียวเป็นไปไม่ได้หรอก
เมื่อถามว่าถ้ากระทรวงศึกษาธิการจะปิดแผนกอนุบาลไปก่อนเพราะมองว่าสารสาสน์ไม่เหมาะสอนเด็กอนุบาลเพราะแก้ปัญหาไม่ได้ แก้ไม่ตรงจุด ซึ่งนายพิบูลย์บอกว่า แล้วแต่ผู้ปกครองสิ ปิดไปเอาเด็กจะไปเรียนที่ไหนล่ะ คิดดู ขอพูดหน่อย เคยมีบางคนอ่านข่าวแล้วมันปากปิดโรงเรียนนี้เลย คิดเป็นหรือเปล่า เอาหัวแม่ตีนคิดหรือเปล่า ทำไมคิดว่าเด็ก 3,800 คนจะไปอยู่ที่ไหน ถ้าปิดไปแล้ว
ตนก็เสียใจ ขอโทษมาหลายหนแล้ว แต่ผู้ปกครองบางทีก็ทำเกินไป หันหน้ามาแก้ไขสิ ไม่ใช่โจมตีให้แม่มึงตายแล้ว บางคนอ่านข่าวบอกให้ปิดโรงเรียนไปเลย ปิดได้ไง คนดีที่ทำไม่มีเลยเหรอ แล้วทำผิดแค่นี้ ซึ่งผิดก็ไม่ใช่ตน ผิดเพราะครูไม่ดี ผู้บริหารไม่ดี แต่มาบอกทั้งโรงเรียนทั้งเครือ
ทั้งนี้ ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ ระบุว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับ นายพิบูลย์ แล้วนั้น นี่เป็นข้อมูลสำคัญยิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการจะตัดสินใจทำอะไรเพราะท่านประกาศออกมาเองให้คนทั้งประเทศได้รับทราบถึงวิธีคิด วิธีบริหารโรงเรียน ให้สาธารณชนและกระทรวงศึกษาธิการได้รับทราบ เรายิ่งจะเป็นข้อมูลตัดสินใจอะไรได้เร็วที่สุด
จากนี้อะไรที่เป็นขั้นตอนเร็วที่สุดจะทำทุกอย่าง ก็จะคำนึงถึงผู้ปกครอง ถ้าสมัครใจย้ายก็ให้มาบอกเราเตรียมความพร้อมแล้ว หลังจากนี้ให้ผู้ปกครองมาแจ้งความประสงค์ เราพร้อมรับสถานการณ์แจ้งได้เลย ขอเวลาประสานงานภายใน 2-3 วันนี้เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า มีโรงเรียนอะไรเข้ากันได้ รับนักเรียนได้ จำนวนห้องพอไหม บุคลากรพอไหม ถ้าพอขยายห้องเรียนได้ไหม เป็นวิธีการที่กระทรวงศึกษาธิการต้องไปหาวิธีบริหารจัดการ
ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ ยังปิดท้ายสำหรับครูเวลาไปสอนต้องไปขูดหินปูนก่อนหรือไม่ว่า "ขอโทษนะท่านเป็นนักบริหารและเป็นครู ท่านพูดอย่างนี้ไม่ถูกต้อง ท่านมาเปรียบเทียบร่างกายกับจิตใจท่านทำไม่ถูกต้อง และขอพูดว่าสิ่งที่ท่านพูดทั้งความเป็นคนปกติที่ได้รับฟังก็รู้สึกว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่านับถือ และในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีท่านไม่เหมาะที่จะทำการศึกษา ท่านเป็นคนไม่มีความสง่างามเลย "