‘เอ็น.ซี.ซี.’ดัน‘สามย่านฯฮอลล์’ โควิดดาวน์ไซส์เอ็กซิบิชั่น
กลยุทธ์การ “ดาวน์ไซส์” หรือลดขนาดงานเพื่อรักษาประสิทธิภาพ ถูกนำไปใช้กับหลายๆ องค์กรเพื่อรับมือกับวิกฤติโควิด-19 ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุม สัมมนา ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และแสดงสินค้า (MICE : ไมซ์)
เพราะทันทีที่โดนโควิด-19 กัดกิน รัฐต้องสั่งล็อคดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาด ตลาดไมซ์จึงโดนหางเลขไปด้วย เป็นเวลากว่า 3 เดือนกว่ารัฐจะคลายล็อค อนุญาตให้กลับมาจัดงานอีกครั้งภายใต้นิวนอร์มอล ผู้ประกอบการหลายรายมองตรงกันว่าการจัดงานแสดงสินค้าหรือ “เอ็กซิบิชั่น” นั้น หลายๆ งานจำเป็นต้องดาวน์ไซส์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ด้วยจำนวนผู้เข้าชมงานและผู้ร่วมออกบูธที่ลดลง ส่งผลให้ต้องลดขนาดพื้นที่ หายไปเฉลี่ย 10-15% จากเดิม โดยเฉพาะงานที่มีชาวต่างชาติเกี่ยวข้องทั้งในแง่ออกบูธและเข้าชมงาน เพราะยังติดข้อจำกัดไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานในไทย
ศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า หลังจาก “สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์” สถานที่จัดงานประชุม สัมมนา และนิทรรศการแบบครบวงจร บนชั้น 5 ของศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ครบรอบ 1 ปีเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัทฯในฐานะผู้บริหารสามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ได้ประเมินสถานการณ์ภาพรวมตลาดการจัดเอ็กซิบิชั่นว่าจะถูก “ดาวน์ไซส์” เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19
“สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์จะชูจุดขายการเป็นสถานที่จัดงานประชุมใหญ่ที่สุดใจกลางเมือง มีขนาดพื้นที่เหมาะกับการจัดเอ็กซิบิชั่นขนาดเล็กและกลาง รองรับดีมานด์ที่เปลี่ยนไปหลังภาคธุรกิจเผชิญวิกฤติโควิด-19”
นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางมาที่ตั้งได้อย่างสะดวกสบาย ใกล้สถานี MRT สามย่าน โดยบริษัทฯจะดึงลูกค้ามาจัดงานที่นี่มากขึ้น ด้วยรูปแบบการจัดงานขนาดเล็กแต่อัดแน่นด้วยคุณภาพ อย่างงานบางประเภท เช่น งานหนังสือ พบว่าได้รับความสนใจจากผู้จัดงาน มาเช่าพื้นที่จัดงานมากถึง 4 งานในปีนี้ มีผู้เข้าชมงานหมุนเวียนกว่า 5,000 คนต่อวัน
ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าตลอดปี 2563 สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์จะมีรายได้ 80 ล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมซึ่งตั้งไว้ระหว่าง 80-100 ล้านบาท หลังจากการจัดงานประชุม สัมมนา และเอ็กซิบิชั่นที่สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์หายไป 3 เดือนหลังรัฐมีคำสั่งล็อคดาวน์เพื่อหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ
โดยหลังเจอโควิด มีจำนวนเอ็กซิบิชั่นมาจัดเฉลี่ย 6 งานต่อเดือน รวมงานประชุมสัมมนาด้วยแล้วเฉลี่ย 20 งานต่อเดือน ลดลงจากเป้าเดิมก่อนเจอโควิดซึ่งเคยเล็งจัดเอ็กซิบิชั่นเฉลี่ย 10-12 งานต่อเดือน รวมงานประชุมสัมมนาแล้วมีมากกว่า 20 งานต่อเดือน
ส่วนปี 2564 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ของสามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีนี้ หรือเพิ่มเป็น 100-120 ล้านบาท ด้วยเป้าจัดเอ็กซิบิชั่น 10 งานต่อเดือน และเมื่อรวมกับงานจัดประชุมสัมมนาอื่นๆ เป็น 20-30 งานต่อเดือน ขณะที่ปี 2565 ตั้งเป้ารายได้เติบโตที่ 10%
ด้าน “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” ซึ่งประกาศปิดเพื่อปรับปรุงพื้นที่ก่อนวิกฤติโควิดจะระบาด บริษัทฯ ยืนยันว่าไม่มีดีเลย์ ทุกอย่างยังคงเดินตามแผนลงทุนขยายพื้นที่ศูนย์ฯซึ่งใช้เงินลงทุนรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท คาดก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการเดือน ก.ย.2565 โดยได้มีการนำงบฯมาตกแต่งศูนย์ฯให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น และมีเทคโนโลยีใหม่ๆ รองรับนิวนอร์มอล เช่น ด้านลดการสัมผัส (Touchless)
ศักดิ์ชัย กล่าวในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด หรือ “นีโอ” ผู้จัดงานนิทรรศการและอีเวนต์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ฯด้วยว่า รายได้ของนีโอในปี 2563 หายไปกว่า 70% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จากเดิมมีกำหนดจัด 12 งานตลอดปีนี้ แต่พอเจอโควิดกระทบ ทำให้จำนวนงานลดลงเหลือเพียง 4 งาน มีงาน Pet Expo Thailand และ Wedding Fair จัดเมื่อไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
ส่วนงานในไตรมาส 4 นี้ นีโอได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน Thailand Golf & Dive Expo มีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดดำน้ำมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี และตลาดกอล์ฟมูลค่า 5 พันล้านบาทต่อปี จัดควบคู่กับงาน Traveler Expo ระหว่างวันที่ 1-4 ต.ค.นี้ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ส่วนอีกงานคือ InterCare Asia งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี นวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ จัดระหว่างวันที่ 15-17 ต.ค.นี้ที่ไบเทคเช่นกัน