สรุปแถลงข่าวความคืบหน้าคดี 'น้องชมพู่'

สรุปแถลงข่าวความคืบหน้าคดี 'น้องชมพู่'

ผบ.ตร. นำทีมแถลงรายละเอียดคดี "น้องชมพู่" ยืนยันการสืบสวนสอบสวนยังไม่ยุติ พร้อมให้มั่นใจว่าจะยังคงสืบสวนคดีต่อไป

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 63 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนภูธรภาค 7 (ผบก.สส.ภ.7) และ พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผู้กำกับการ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจตำรวจสืบสวนนครบาล ร่วมแถลงคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่

จากการสอบสวนของตำรวจ ด้วยพยานหลักฐานทั้งหมด ร่วมกับคำให้การของผู้เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญ สามารถสรุปได้ว่า

น้องชมพู่ไม่สามารถขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟได้เองตามลำพัง ด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้
1. เส้นทางยากลำบาก ทั้งสูงชัน และมีอุปสรรค เกินความสามารถของเด็ก
2. พลังงานไม่เพียงพอ โดยนักโภชนาการ ยืนยันว่าพลังงานจากอาหารเช้ามื้อสุดท้าย น้องชมพู่กินไข่เจียว 3 คำ ส้ม 1 ขวด ไม่เพียงพอต่อการเดินเท้าขึ้นไปได้ กุมารแพทย์ บอกว่า พัฒนาการของเด็กในช่วง 3 ขวบ ไม่มีทางเดินขึ้นไปถึงจุดพบศพได้อย่างแน่นอน
3. ประสบการณ์ชาวบ้าน เด็กอายุ 3 ขวบ ไม่สามารถปีนป่ายได้ขนาดนั้น
4. จากการหายตัวไปของนางพิน เชื้อคมตา ระยะทางที่พลัดหลง เป็น 2 เท่า ของน้องชมพู่ ชาวบ้านสามารถหาเจอได้ภายในวันเดียว
5. ผู้ชำนาญการ แพทย์นิตเวช เห็นพ้องกันว่า เด็กอายุ 3 ขวบไม่สามารถเดินขึ้นไปถึงภูหินเหล็กไฟได้
6. สภาพศพในวันที่พบศพ พบสภาพเปลือยกาย ซึ่งน้องชมพู่ในวัย 3 ขวบ ไม่สามารถถอดเสื้อผ้าเองได้
7. พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ พบเส้นผม 36 เส้น ซึ่งเป็นผมของน้องชมพู่เอง ที่ถูกตัดหรือเฉือนด้วยมีด ซึ่งไม่มีทางที่น้องชมพู่จะตัดเองได้
8. นิสัยส่วนตัวของน้องชมพู่ กลัวที่มืด กลัวป่า กลัวยางพารา แม้แต่พ่อแม่ ไม่เคยไปเล่นที่ภูเหล็กไฟสักครั้งเดียว

น้องชมพู่น่าจะเสียชีวิต ในห้วง 24 ชั่วโมง ระหว่าง 12 พ.ค. เวลา 14:30 น. จนถึง 13 พ.ค. เวลา 14:30 น.
จากข้อมูลการพิสูจน์หนอนที่ไชศพน้องชมพู่ ของนักกีฏวิทยา ก็สามารถนับย้อนไปได้ว่า น่าจะเสียชีวิตมาแล้ว 3 วันก่อนหน้าการผ่าชันสูตร จึงสรุปได้ว่า น้องชมพู่น่าจะเสียชีวิต ในห้วง 24 ชั่วโมง ระหว่าง 12 พ.ค. เวลา 14:30 น. จนถึง 13 พ.ค. เวลา 14:30 น. โดยไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิต เพราะศพเน่า แต่ศพไม่มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าเสียชีวิตจากการขาดน้ำ ขาดอาหาร

จึงสามารถสรุปได้ว่า น้องชมพู่ถูกผู้อื่นพาขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ จนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งความผิดที่สรุปได้คือข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ซ่อนเร้นอำพางศพ แต่ยังไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอในการแจ้งข้อหา หรือออกหมายจับใครได้

ผลการตรวจสอบเส้นผมที่พบในจุดเกิดเหตุ
กองพิสูจน์หลักฐาน ได้นำเส้นผมดังกล่าว ไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยยืนยันได้ว่า นอกจากเส้นผมของน้องชมพู่แล้ว ยังพบเส้นผมของบุคคลอื่นในจุดเกิดเหตุ ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบุคคลทางฝั่งของแม่น้องชมพู่ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของบุคคลใด

กรอบการสืบสวนคดี
พล ต.อ.สุวัฒน์ ยังได้ให้ความรู้เกี่ยวกับกรอบการสืบสวน โดยมีสมมติฐาน 3 ข้อ คือ ผู้ก่อเหตุต้องเป็นคนใกล้ชิดกับน้องชมพู่ หรือ น้องชมพู่ถูกบังคับพาตัวไป หรือเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง นอกจากนี้ ยังมั่นใจว่า ผู้ก่อเหตุต้องมีความเชี่ยวชาญในพื้นที่รู้จักภูเขาที่พบศพอย่างดี ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุ ตำรวจคงต้องสอบสวนขยายผลต่อทั้งประเด็น แรงจูงใจในเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ หรือความขัดแย้งของบุคคลใกล้ชิดกับน้องชมพู่

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยืนยันว่า การสืบสวนสอบสวนยังไม่ยุติ เพราะคดีนี้มีอายุความ 20 ปี แม้ว่าตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากคดีไม่สามารถสรุปคดีได้ภายใน 1 ปี ตำรวจต้องส่งสำนวนให้อัยการ ดังนั้น คดีน้องชมพู่ตำรวจยืนยันว่า ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนขยายผลตามอายุความ 20 ปีที่เหลืออยู่ พร้อมขอให้มั่นใจแม้ว่า วันนี้จะยังตอบคำถามไม่ได้ว่า ใครเป็นผู้ก่อเหตุในคดีนี้ แต่ตำรวจจะยังคงสืบสวนคดีต่อไป