KBANK ชี้ตลาดเงินผันผวน-เผชิญแรงเทขายสินทรัพย์ หลัง ‘ทรัมป์’ติดโควิด-19

  KBANK ชี้ตลาดเงินผันผวน-เผชิญแรงเทขายสินทรัพย์ หลัง ‘ทรัมป์’ติดโควิด-19

ศูนย์วิจัยกสิกร แนะติดตามตลาดเงินจ่อผันผวนขึ้น หลังทรัมป์ประกาศติดโควิด-19 สินทรัพย์เผชิญความเสี่ยงจากแรงเทขาย แต่เชื่อประเด็นด้านสุขภาพ ไม่น่ามีผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะสั้น

    ล่าสุดศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีการประเมินสถานการณ์ กรณีที่ มีการได้รับการยืนยันจากทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งนับเป็นข่าวใหญ่ และเป็นหนึ่งในประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีมุมมองต่อเรื่องนี้ ดังนี้
      ทั้งนี้ แม้ตลาดเงิน-ตลาดทุนรับข่าวนี้ด้วยภาพความปั่นป่วน สินทรัพย์เสี่ยงเผชิญแรงขาย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีทิศทางปะปน (เงินดอลลาร์ฯ ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับเงินเยน แต่ก็แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ)
    แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ประเด็นด้านสุขภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่น่าจะมีผลโดยตรงต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในระยะสั้น

      ทั้งนี้แม้ว่าความไม่แน่นอนจากตัวแปรทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งฯ ดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนอย่างยากจะหลีกเลี่ยง

    แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เฟดน่าจะรอติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีว่าจะสิ้นสุดลงด้วยความเรียบร้อย หรือเกิดประเด็นทางการเมืองยืดเยื้อในช่วงหลังจากนั้นจนมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แล้วจึงพิจารณาเครื่องมือทางการเงินและดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเพิ่มเติมในจังหวะเวลาที่เหมาะสมต่อไป

      ทั้งนี้ ประเมินว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ติดโควิด-19  ไม่น่าจะมีผลต่อคะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งรอบนี้ เนื่องจากในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในรอบนี้เป็นการสู้กันของ 2 พรรคการเมืองที่มีนโยบายและจุดยืนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

    ดังนั้นประชาชนอเมริกันซึ่งมีพรรคการเมืองที่ตนเองชื่นชอบอยู่แล้วก็คงไม่เปลี่ยนการตัดสินใจ
ขณะที่คาดว่า ผลการดีเบตรอบแรกที่สิ้นสุดลงไปแล้วระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ กับนายโจ ไบเดนอาจทำให้ประชาชนอเมริกันซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจมีความโน้มเอียงคะแนนไปให้กับนายโจ ไบเดนมากขึ้น

    นอกจากนี้มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ผู้สนับสนุนนายโจ ไบเดนของพรรคเดโมแครตจะเปลี่ยนใจมาสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ด้วยเหตุผลในเรื่องความห่วงใยในสุขภาพของนายโดนัลด์ ทรัมป์
    ทั้งนี้ ประเมินว่า ยังมีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยว่า จะมีการเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกไปด้วยประเด็นด้านสุขภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยจากประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องมีการเลื่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีมาก่อน

    อย่างไรก็ดีหากพิจารณาตามกฎหมายแล้ว การกำหนดวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของทำเนียบขาวหรือประธานาธิบดี แต่จะอยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของสภาคองเกรสทั้ง 2 สภา ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า พรรคเดโมแครตซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรคงคัดค้านข้อเสนอให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งฯ ออกไป 

   โดยศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020 เป็นหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ซึ่งมีหลายประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งฯ ตัวแปรสำคัญจะอยู่ที่อาการป่วยโควิด-19 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    โดยในกรณีที่อาการป่วยมีความรุนแรง การเปลี่ยนตัวผู้สมัครของพรรครีพับลิกันก็อาจไม่สามารถทำได้โดยง่ายเพราะกรอบเวลามีจำกัด และต้องมีขั้นตอนในการคัดเลือก
     ขณะที่หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หายป่วยโควิด-19 กลับมาเป็นปกติ ตัวแปรสำคัญหลังผลการเลือกตั้งฯ ก็จะเปลี่ยนกลับมาอยู่ที่การยืนยันผลการเลือกตั้งฯ และผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนถัดไป

    ซึ่งอาจกินเวลาข้ามไปจนถึงเดือนมกราคม 2564 เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยประกาศว่า อาจจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งฯ ในครั้งนี้