‘ดาวโจนส์’ร่วง134จุดหลัง‘ทรัมป์’ติดโควิด
ดัชนี"ดาวโจนส์" ปิดตลาดวันศุกร์ (2ต.ค.)ปรับตัวร่วงลงเล็กน้อย 134 จุด ท่ามกลางความวิตกต่อการเมืองสหรัฐ หลังจากมีข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 134.09 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 27,682.81 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 32.36 จุด หรือ 0.96% ปิดที่ 3,348.44 จุด และดัชนีแนสแด็กลบ 251.49 จุดหรือ 2.22% ปิดที่11,075.02 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์ว่า “เมลาเนีย และผม มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก เราจะเริ่มกระบวนการกักตัว และทำการรักษาในทันที เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน”
นักลงทุนวิตกว่าการติดเชื้อโควิด-19 ของปธน.ทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. และจะทำให้รัฐบาลระงับแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อหันมาควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด
ด้านสำนักข่าวเอ็นบีซี รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เริ่มแสดงอาการป่วยเล็กน้อย หลังติดเชื้อโควิด-19 โดยปธน.ทรัมป์ ซึ่งมีอายุ 74 ปี และมีน้ำหนักตัวมากเกินไป จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ขณะที่นายเดวิน โอมอลลีย์ โฆษกของนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ทวีตข้อความระบุว่า ผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่พบว่านายเพนซ์และภรรยาติดเชื้อแต่อย่างใด
การปิดตลาดในแดนลบแต่ไม่มากของดาวโจนส์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดเริ่มกังวลเกี่ยวกับสถานะผู้นำของประธานาธิบดีทรัมป์ ในช่วงที่ป่วย เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญสหรัฐ หากประธานาธิบดีสหรัฐไม่สามารถปฏิบัติภารกิจ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ รองประธานาธิบดีสหรัฐจะอยู่ในลำดับแรกที่เข้ารับตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี ส่วนลำดับที่ 2 คือประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 661,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 850,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 7.9% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.2% หลังจากแตะระดับ 8.4% ในเดือนส.ค.
นอกจากปัจจัยตามที่กล่าวมาข้างต้นที่ทำให้ดาวโจนส์ปรับตัวร่วงลงแล้ว นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากผ่านการอนุมัติของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้
อย่างไรก็ดี คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ขณะที่นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ แสดงความเห็นคัดค้านมาตรการดังกล่าว