ชีวิตดีๆ ที่อีสานตอนบน ด้วยโครงการพระราชดำริฯ
ปัญหา "ภัยแล้ง" ที่เรื้อรังมานาน ถูกสะสางแก้ไข ด้วยสอง "อ่างเก็บน้ำ" แห่งลุ่มน้ำชีตอนบน ปราการสำคัญที่นอกจากจะแก้ไขปัญหา ยังสร้างรอยยิ้มด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของชาวบ้านด้วย
โครงการพัฒนาลุ่มน้ำชีตอนบน จังหวัดชัยภูมิ เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อช่วยเหลือราษฎร โดยน้อมนำพระราชดำริ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อ 5 เมษายน 2526 มาเป็นแนวทางการศึกษาและวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำ โดยพิจารณาวางโครงการและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำหรือฝายทดน้ำทางบริเวณต้นน้ำลำน้ำชี และตามลำน้ำสาขาต่างๆ ของลำน้ำชี เพื่อจัดหาน้ำช่วยเหลือราษฎรหมู่บ้านต่างๆ ในพื้นที่ที่จะเป็นอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีเดิมให้มีน้ำสำหรับทำการเพาะปลูกได้ทั้งในระยะฤดูฝน-ฤดูแล้ง และมีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคตลอดปี
กรมชลประทานซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงจึงได้วางแผนและดำเนินการก่อสร้าง ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางตามลำน้ำสาขาลำน้ำชีตอนบน ตามแนวพระราชดำริดังกล่าวหลายแห่ง ซึ่งปี พ.ศ. 2562-2567 ได้กำหนดแผนงานการก่อสร้างโครงการ อ่างเก็บน้ำลำน้ำชี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขนาดความจุ 70.21 ล้าน ลบ.ม. เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับพื้นที่การเกษตรตามลำน้ำชีบริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำรวมประมาณ 75,000 ไร่ และโครงการ อ่างเก็บน้ำลำสะพุง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขนาดความจุ 46.9 ล้าน ลบ.ม. เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับพื้นที่ชลประทาน 40,000 ไร่ นอกจากนี้อ่างเก็บน้ำทั้ง 2 แห่ง ยังเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการอุปโภคบริโภค แหล่งทำการประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
พงศ์ศักดิ์ ณ ศร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานชัยภูมิ ให้ข้อมูลว่า ประชาชนในพื้นที่ส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกร ทั้งปลูกข้าว ปลูกมะม่วง และอินทผลัม พืชทั้งสามชนิดนี้หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้าน โดยที่น้ำจากลำน้ำชีและอ่างเก็บน้ำทั้งสองแห่งจะช่วยหล่อเลี้ยงพืชผลของพวกเขา
“ทางด้านลำสะพุง ถ้าเป็นที่ลุ่มเขาจะทำนา ถ้าเป็นที่ดอนจะปลูกพืชไร่ เช่น ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง ถ้ามีน้ำเพียงพอเขาจะปลูกพืชอื่นๆ ได้ อย่างบริเวณท้ายลำสะพุงมีสวนมะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งปกติเขาจะปลูกมะม่วง ดูแลเป็นอย่างดี และทำการส่งออกเพื่อขายไปยังต่างประเทศ
ส่วนที่เขาตอนล่างเขาปลูกพืชไร่เพราะไม่ต้องการน้ำสม่ำเสมอ แต่ถ้าเรามีน้ำแล้วเขาอาจจจะปรับเปลี่ยนเป็นการปลูกพืชใช้น้ำ เช่น ผลไม้ต่างๆ ก็จะเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากขึ้น”
ปัญหาภัยแล้งที่เคยเกิดขึ้นมาช้านานทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างมาก ครูอ้อม – นวกชมณ ชนะพาล เจ้าของสวนผลไม้ในพื้นที่เล่าว่านับว่ายังโชคดีที่สวนของเธออยู่ใกล้แม่น้ำชีและอ่างเก็บน้ำ ทำให้มีแหล่งน้ำสองแห่งให้ใช้เพื่อการเกษตร แต่เกษตรกรรายอื่นต้องเดือดร้อนจากภาวะฝนทิ้งช่วงแทบทุกปี
“ที่สวนปลูกข้าว มะม่วง และอินทผลัม มีเนื้อที่เฉพาะแปลงเพาะปลูกประมาณ 50 กว่าไร่ ได้ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำมาทดน้ำเข้านาข้าว ส่วนรดน้ำมะม่วงกับอินทผลัมส่วนมากจะใช้น้ำชี เพราะว่าอินทผลัมต้องใช้น้ำเยอะ และเราไม่ได้รดตลอด แต่นาข้าวเราไม่แค่ทำเป็นก๊อกปิด-เปิด ต่อมาเข้านาข้าว
ส่วนสวนแถวนี้จะใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำทั้งหมดเลย โดยเฉพาะเวลาแห้งแล้งแต่ก่อนสวนเราก็ใช้ แต่ของเราเลือกได้ระหว่างน้ำชีกับอ่างเก็บน้ำเพราะมันอยู่ใกล้กัน ทีนี้สวนมะม่วงสวนผลไม้แถวนี้เขาใช้ประโยชน์จากตรงนี้หมดเลย แล้วที่นี่มีปัญหาแล้ง มีฝนทิ้งช่วงนาน มะม่วงยืนต้นตายก็มี พอมีอ่างเก็บน้ำเขาก็ได้ใช้ประโยชน์ตรงนี้”
ในมุมมองของเกษตรกรการเพาะปลูกที่ได้ผลผลิตดีย่อมหมายถึงรายได้ที่งอกงาม แต่ในมุมมองของชาวบ้าน นี่คือวิถีชีวิตที่ถูกยกระดับให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“เราเป็นคนที่นี่ เกิดมาก็เห็นอ่างเก็บน้ำ มีคนมาหาปลา ทำมาหากิน ใช้น้ำในการเกษตร ข้าวที่เราปลูกเป็นการปลูกกินในครัวเรือน เพราะทำแค่สองทุ่งเล็กๆ ปลูกเอาไว้กินเอง ไม่ต้องซื้อข้าวที่อื่นกิน เป็นวิถีชีวิตปกติของเรา แต่ก่อนนาข้าวจะเยอะมาก แล้วข้าวก็เหลือกินเพราะถึงเราจะขายบ้างอะไรบ้างก็ยังเหลือเยอะ แล้วข้าวค้างปีมันไม่อร่อย ก็เลยทำเป็นทุ่งเล็กๆ เอาไว้กินเอง แล้วไปเน้นปลูกมะม่วงกับอินทผลัมเพื่อค้าขายแทน การที่ชาวบ้านมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี พวกเขาก็จะเพาะปลูกได้ตลอด และพวกเขาจะมีกิน มีความสุข” ครูอ้อม กล่าว
จากอดีตที่ภัยแล้งมาตีกรอบชีวิตของประชาชนในพื้นที่ จนถึงตอนนี้ที่กำลังจะสร้างอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีและอ่างเก็บน้ำลำสะพุง ที่จะเข้ามาช่วยทลายข้อจำกัด นายพงศ์ศักดิ์ ณ ศร บอกว่าที่ผ่านมาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านอาจจะไม่ดีนัก แต่ต่อไปนี้จะดีขึ้น
“เมื่อก่อนหน้าแล้งก็แล้งไปเลย ไม่มีน้ำทำเกษตร หรือทำแบบเสี่ยงๆ เช่นทำนาแล้วน้ำไม่มาตามฤดูกาลก็เกิดความเสี่ยง ผลผลิตได้ไม่เต็มที่ ถ้ามีอ่างเก็บน้ำ เมื่อพืชต้องการน้ำเราก็ปล่อยน้ำให้ได้ เพราะฉะนั้นคุณภาพชีวิตเขาดีขึ้นแน่นอน”
ด้าน มหิทธิ์ วงศ์ษา หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ 2 สำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า “ที่นี่มีความสำคัญคือ อยู่เหนือสุดของพื้นที่รับประโยชน์ ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เพราะฉะนั้นการส่งน้ำจึงส่งให้พื้นที่ท้ายน้ำไปช่วยประปาในเขตหนองบัวแดง ช่วยเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนบน เพราะอ่างเก็บน้ำพื้นที่ตอนบนสามารถช่วยเหลือพื้นที่ได้ค่อนข้างเยอะ และอีกอย่างคือช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้ป่าไม้ เป็นแหล่งน้ำให้สัตว์ป่าด้วย เพราะอยู่ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ได้ประโยชน์ทั้งคนและสัตว์ป่า
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญของลำสะพุงคือเวลาฤดูแล้ว ปกติที่ไม่มีอ่างเก็บน้ำ น้ำที่มาทำประปาของอำเภอหนองบัวแดง มีปัญหาเยอะมาก ยิ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัญหาภัยแล้งที่ฝนไม่ตกต่อเนื่อง ทำให้แหล่งน้ำประปาขาดแคลน โครงการนี้จะช่วยเรื่องน้ำประปา น้ำอุปโภคบริโภคค่อนข้างยั่งยืน”