นายกฯ ชี้อาชีวะต้องยกกำลังสิบ ทุนมนุษย์ประเทศ
นายกฯ ย้ำอาชีวะ สร้างทรัพยากรมนุษย์ เป็นกำลังสำคัญของประเทศ ชี้ยกกำลังสองไม่พอต้องยกกำลังสิบ กระตุ้นนักเรียน ครู พัฒนาปรับตัวเอง ความคิด ดึงเอกชนร่วมพัฒนาการเรียนการสอน ถ่ายทอดเทคโนโลยี มุ่ง7 อุตสาหกรรมใหม่ ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน ภาคอุตสาหกรรม
วันนี้ (7 ต.ค.2563) ที่วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดงาน "อาชีวยกกำลังสอง โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงาน ซึ่งมีนายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการให้การต้อนรับ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าการพัฒนานักเรียน ครู และสถาบันอาชีวศึกษา ถือเป็นทรัพยากรมนุษย์ กำลังสำคัญของประเทศในวันข้างหน้า เพราะอาชีวศึกษาเป็นการสร้างชาติให้มั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืนในอนาคต ทุกคนต้องสืบทอดและสืบสานในการผลิตบุคลากรให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน และมีงานทำ สถาบันอาชีวศึกษามีหน้าที่ในการผลิตเด็กไปจนโต ซึ่งการพัฒนาเด็กทำงานเพื่ออนาคตตนได้มีการหารือว่าจะทำอย่างไร เพราะครูแต่ละยุคสมัยแตกต่างกัน
วันนี้ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลง โครงการอาชีวะยกกำลังสอง อาจไม่พอต้องเป็นอาชีวะยกกำลังสิบ ที่ทุกภาคส่วนทั้งครู นักเรียน และภาคเอกชน โดยต้องทำทุกอย่าง โดยเฉพาะการขอความร่วมมือภาคเอกชน สถานประกอบการในการฝึกงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ สอดคล้องกับการเรียนในห้องเรียน คือ การเรียนพื้นฐานและการเรียนนอกห้องเรียน เพื่อจะได้ดูว่าเอกชนทำงานอย่างไร ในสาขาที่ตนเองเรียนอยู่ และเป็นการสร้างแรงบันดาลเนื่องจากถ้าไม่เห็นแรงบันดาลใจก็ไม่เกิด
"โลกวันนี้สิ่งสำคัญที่สุด คือ สมองของเราที่ต้องทันสมัย ปรับตัว ปรับความคิดวิสัยทัศน์ไปสู่การสร้างสรรค์ในสิ่งที่ดีตลอดเวลา เพราะการศึกษาเป็นการพัฒนาทุนมนุษย์ เครื่องมือสำคัญในการสร้างชาติ ต้องไปดูว่าตลาดแรงงาน ภาคอุตสาหกรรมต้องการคนแบบไหน เช่น ต้องการคนมีความเฉลียวฉลาด มีความรู้ในเชิงปฎิบัติ มีความตั้งใจ เป็นคนดี รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"นายกฯ กล่าว
ขณะที่ ประเทศกำลังพัฒนา 7 อุตสาหกรรมใหม่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อเชื่อมโยงทั้งประเทศ ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ซึ่งผมมอบนโยบายให้ทำงานร่วมกัน เชื่อมโยงทุกภาคส่วน และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของอาเซียนในการขนส่งสินค้า ดังนั้น เมื่อรัฐปรับวิธีการทำงานดูแลทั้ง 6 ภาคของประเทศ โดยแบ่งทั้ง4ภาค ,EEC และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ให้มีงบประมาณตรงกับความต้องการของพื้นที่ ผมดีใจที่อาชีวศึกษามองเป้าหมาย และมองย้อนกลับไปจุดที่จะทำให้ถึงเป้าหมายได้อย่างไร เกิดการขับเคลื่อนไปด้วยกัน
ทั้งนี้ รัฐบาลมีหน้าที่ในการสร้างโอกาส คือ โอกาสในการมีงานทำ บ้านเมืองสงบสุข ประเทศมีความมั่นคง พ้นกับดักรายได้ปานกลาง ไม่ใช่ประเทศที่มีปัญหา การทำลายทรัพยากร ทุจริต
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่าแผนของรัฐบาลแต่ละแผน มีหลายคนร่วมกันคิดในหลายมิติที่เกี่ยวข้อง ต้องวางแผนว่าเด็กทุกคนจะโตอย่างไร มีงานทำได้อย่างไร อยากฝากให้กระตุ้นเด็กทุกคนให้มีการพัฒนาเร็วขึ้น ทั้งภาครัฐ ธุรกิจ เอกชนทั้งในและต่างประเทศ ต้องมีการรีสกิล อัพสกิล และนิวสกิล ดังนั้น ต้องกระตุ้นให้ครู บุคลากรอาชีวะ สถานศึกษาทุกแห่งอยากทำงาน อดทนตั้งใจ และต้องเข้าใจว่าทุกอย่างมีเวลา จะทำวันเดียว ปีเดียวแล้วจะดีขึ้น แต่ทุกอย่าง อยู่ที่คนเรียน คนสอน และต้องใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะจบเงินเดือนคงไม่มาก ต้องใช้เงินพอประมาณ จบมาแล้วมีเงินเท่ากัน รวยคงไม่ได้ ชีวิตมันเปลี่ยนแปลง โลกมันเปลี่ยน ทุกเวลาทุกนาที เป็นการเรียนรู้
นอกจากนั้น ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพประเทศหนึ่ง แต่โอกาสเหล่านี้ จะหายไปถ้าไม่มีการเตรียมบุคลากรคนให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างประหยัดคุ้มค่า และแก้ไขปัญหาทุจริต ต้องพัฒนาเด็กอาชีวะให้รู้การปฎิบัติงานจริง มีการปรับรูปแบบให้ทันบริบทของโลก คนไทยต้องทำงานกับหุ่นยนต์ มีงานการบินระบบราง การเกษตรสมัยใหม่ รัฐบาลเดินหน้ามาตลอด ประเทศต้องการ 50,000 คน ในสาขาต่างๆ แต่คนมีความพร้อมหรือไม่ จบออกมาต้องมีงานทำ
"อยากฝากน้องๆ หลานๆ ทำชีวิตให้ดี จะได้สู่อนาคตที่ดีในวันข้างหน้า วันนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดีของเราในการเดินไปข้างหน้า ถ้ามีปัญหาหรืออุปสรรคใดให้สะท้อนถึงผม จะได้แก้ปัญหาร่วมกันสร้างทรัพยากรบุคคลสู่ความเป็นเลิศ ในการวัดผลเด็ก วัดผลครู"นายกฯ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ประชาชนคือครูสอนผม วันนี้เป็นนายกฯ เอามาคิด มาประยุกต์ มาทำอย่างรังเกียจกัน สิ่งที่ประเทศไทย ต้องการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ ซึ่งเมื่อมีศูนย์ครบทั้ง 100 แห่งในปี2564 ต้องมีการวัดเกรดระดับครู
"ผมอยากพูดว่าผมคิดอะไรอยู่ทุกวันแต่ใครไม่เป็นผมก็ไม่รู้ พูดมากไปก็ให้ออกไป แต่ผมทำเต็มที่ ดีไม่ดีก็บอกมา ผมยอมรับฟังทุกท่าน ขอให้มีหลักการ อดีตคืออดีต ถ้าไม่ดีเอามาทำต่อชื่นชม แต่ถ้าไม่ดีทิ้งไป เพื่ออนาคตของทุกคน ไทย เป็นระบบเครือญาติ สังคมควรรักสามัคคี ไม่ใช่ไม่รักกัน ขอให้ทุกคนช่วยทำงานตรงนี้เพื่อให้เด็กอาชีวะที่มีความพร้อม ศักยภาพ ให้ได้คนดีและคนเก่ง รักชาติ บ้านเมืองในการพัฒนาประเทศไปด้วยกัน"นายกฯ กล่าว
ด้านนายณัฏฐพล กล่าวว่า ตามที่ศธ.มีแผนปฎิรูปการศึกษาของไทยได้มีนโยบายในการยกระดับอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ เตรียมความพร้อมในการสร้างทุนมนุษย์ การเรียนการสอนรูปแบบเดิมไม่ตอบโจทย์การทำงาน และมีช่องว่างทางทักษะที่ไม่ตอบสนองการทำงาน จึงต้องมีการเตรียมความพร้อม ทักษะที่จำเป็นให้ตอบโจทย์ความต้องการตลาดแรงงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เปิดกว้างภาครัฐ ภาคเอกชนเตรียมพร้อมในการพัฒนากำลังคน และบุคลากรทางการศึกษา
โดยที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้อาชีวะผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพตามความเป็นเลิศ และบริบทต่อพื้นที่ ซึ่งได้รับความร่วมมือทุหน่วยงานโดยเฉพาะภาคเอกชน ได้มาตั้งศูนย์ ศูนย์ความเป็นเลิศการอาชีวศึกษา(Excellent Center) ให้ครบ 50แห่ง ภายใน2563 และครบ 100แห่ง ในปี 2564 ทั่วประเทศ และมีการพัฒนาหลักูตรอาชีวศึกษาเฉพาะทาง 1 เอกชน 1 วิทยาลัยเพิ่มอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อน มีการเพิ่มทักษะ ประสบการณ์ การเรียนจากสถานที่จริง ยกระดับความสามารถของผู้เรียน จากสถาบันอาชีวะศึกษารวมถึง ส่งเสริมผู้เรียนมีรายได้มากขึ้นระหว่างเรียนหลังจบการศึกษา เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัวและการศึกษา