ศธ.เสนอ "แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย"เข้าครม.20ต.ค.นี้
"ครูตั้น"ชงแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2563-2570 เข้าครม.ภายในวันที่ 20 ต.ค.นี้ เน้นพัฒนาเด็กตามสมรรถนะ ทักษะตามช่วงวัย พร้อมย้ำไม่ควรนำสอบเข้าป. 1 เป็นการชี้วัดเด็ก เชื่อร่วมมือ4กระทรวงยกระดับคุณภาพเด็กปฐมวัยทั่วประเทศได้แน่
วันที่( 9 ต.ค. 2563) ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเด็กปฐมวัย ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่าง แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2563-2570 ซึ่งจะเสนอให้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาภายในวันที่ 20 ต.ค.นี้ ซึ่งแผนดังกล่าวจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยเพื่อให้เด็กได้รับประโยชน์มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาเด็กตามสมรรถนะการพัฒนาทักษะตามช่วงวัย และยังเป็นการยกระดับคุณภาพเด็กปฐมวัยทั่วประเทศ แก้ปัญหาเด็กลดลง
ทั้งนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องต่างๆให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง สร้างความเข้าใจกับผู้ปกครองและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในเรื่องการสอบแข่งขันเข้าศึกษาต่อในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ว่าจะต้องการพัฒนาเด็กในทิศทางใด และไม่ควรนำการสอบมาเป็นการชี้วัด เพราะจะเป็นการสร้างความกดดันแก่เด็ก และ เด็กจะไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ซึ่งหลังจากนี้จะผลักดันกระบวนการต่างๆให้รวดเร็ว
"ผมเชื่อว่าแผนดังกล่าวจะเป็นการเชื่อมการทำงานร่วมกันของ 4 กระทรวงหลักที่ดูแลเด็กปฐมวัย ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกระทรวงมหาดไทย(มท.) ทั้งในด้านข้อมูลและงบประมาณ เช่น แผนระยะสั้น เริ่มจากแผนงบประมาณปี 2564 ทั้ง 4 กระทรวงจะหารือการทำงานร่วมกันเพื่อแบ่งการทำงานที่ชัดเจนและใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด"รมว.ศธ.กล่าว
รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯทั้งหมด 6 คณะได้แก่ คณะอนุกรรมการบูรณาการการพัฒนาเด็กปฐมวัย คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลเด็กปฐมวัย คณะอนุกรรมการวิจัยพัฒนาและจัดการความรู้ด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย คณะอนุกรรมการกฎหมายและการคุ้มครองสิทธิคณะอนุกรรมการด้านสื่อสารเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย และ คณะอนุกรรมการการพัฒนาเด็กพิเศษและด้อยโอกาสเพื่อการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาปฐมวัยมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น อีกที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการในชุดต่างๆได้มีการขับเคลื่อนงานร่วมกับภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความจริงจังและจริงใจในการแก้ปัญหาเด็กปฐมวัย
สำหรับ แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย มี 7 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1.การจัดและการให้บริการแก่เด็กปฐมวัยที่เด็กปฐมวัยจะต้องมีโอกาสเข้าถึงการบริการอย่างเท่าเทียม ยุทธศาสตร์ที่ 2.การพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันครอบครัวในการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย ยุทธศาสตร์ที่ 3. การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการพัฒนาเด็กปฐมวัย ยุทธศาสตร์ที่ 4.การพัฒนาระบบและกลไกการบูรณาการสารสนเทศเด็กปฐมวัยและการนำไปใช้ประโยชน์ เพราะเด็กแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น เด็กที่มีความสามารถพิเศษ เด็กที่มีความต้องการพิเศษ และ เด็กพิการ เป็นต้น
ส่วนยุทธศาสตร์ที่ 5.การจัดทำและปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวกับเด็กปฐมวัย และการดำเนินการตามกฎหมาย ยุทธศาสตร์ที่ 6.การวิจัยพัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้ และยุทธศาสตร์ที่ 7.การบริหารจัดการ การสร้างกลไก ประสานการดำเนินงานและการติดตามประเมินผล เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนการพัฒนาเด็กปฐมวัย รวมถึงการจัดสรรงบประมาณด้วย