ฝากขังศาลอาญา 'เอกชัย-บุญเกื้อหนุน' ผู้ต้องหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพ 'ราชินี'
พนักงานสอบสวน ควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามกระทำการประทุษร้ายต่อเสรีภาพพระราชินี มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกต่อศาลอาญาเป็นเวลา 12 วัน ซึ่งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้ควบคุมตัว นายเอกชัย หงส์กังวาน และนายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง อายุ 21 ปี 2 ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามกระทำการประทุษร้ายต่อเสรีภาพพระราชินี มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกต่อศาลอาญาเป็นเวลา 12 วัน ซึ่งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
โดยในชั้นฝากต่อศาลอาญานี้ ทนายความ นายเอกชัย ได้ยื่นคำร้องขอคัดค้านการฝากขัง ตอนนี้อยู่ระหว่างรอศาลอาญาไต่สวน
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุนายศรายุทธ สังวาลย์ทอง ผู้กล่าวหา ทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองกลุ่มต่างๆ ได้มีการนัดหมายและชักชวนตามสื่อโซเชียลต่างๆ เพื่อทำการชุมนุมในช่วงระหว่างวันที่ 13 -14 ต.ค.2563 ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 เวลาประมาณ 17.20 น.นายศรายุทธ สังวาลทอง ผู้กล่าวหา ได้เดินทางไปที่บริเวณสนามมนางเลิ้งและได้พบกับกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มคณะราษฎร์ 2563 อยู่เต็มพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปบริเวณสะพานมัฆวานตามที่ต้องการจะเข้าไปได้ จึงจอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่บริเวณถนนพิษณุโลก บริเวณแยกนางเลิ้ง
จากนั้นได้เดินเท้าจากบริเวณแยกนางเลิ้งเพื่อตามไปหาภรรยาซึ่งไปเฝ้ารับเสด็จในเส้นทางดังกล่าว เมื่อไปถึงบริเวณจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสกัด กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ฝั่งทำเนียบรัฐบาล ขณะนั้นได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งมีนายเอกชัย หงส์กังวาน ผู้ต้องหาในคดีนี้และประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จยืนปะปนกันอยู่บริเวณจุดสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอยู่และทำการจัดระเบียบผู้คนที่ยืนอยู่เพื่อจะดำเนินการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ
ต่อมาในเวลาประมาณ17.30 น.เมื่อรถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่านบริเวณถนนพิษณุโลก มุ่งหน้าแยกนางเลิ้ง บริเวณที่นายเอกชัย หงส์กังวาน และพวกผู้ต้องหากลุ่มผู้ชุมนุมยืนอยู่ นายศรายุทธ สังวาลย์ทอง สังเกตเห็นนายเอกชัย นายบุญเกื้อหนุนและพวก ได้มีการตะโกนโห่ร้องและพูดให้ผู้ชุมนุมชู 3 นิ้ว ผู้ต้องหาซึ่งอยู่ในกลุ่มของผู้ชุมนุมยังได้พยายามผลักดันเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนคล้องแขนกันเป็นแนวมวลชน จำนวน 2 แถว เพื่อถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จอยู่บริเวณดังกล่าวเพื่อจะเข้าไปใกล้ ซึ่งคนที่เดินตามรถยนต์พระที่นั่งสามารถเดินตามได้ทัน นายบุญเกื้อหนุน ผู้ต้องหาในคดีนี้และกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้เดินติดตามรถยนต์ไปจนถึงบริเวณแยกนางเลิ้ง จึงได้พบกับกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มใหญ่และประชาชนที่มาคอยรับเสด็จปะปนกันอยู่ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นใครร้องตะโกนและได้ทำสัญลักษณ์ 3 นิ้วขึ้นมาพร้อมกันด้วย
จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนวิ่งกรูเข้ามากั้นแนวเพื่อกันผู้ชุมนุมให้ออกห่างจากรถยนต์พระที่นั่ง เพื่อให้สามารถเคลื่อนตัวต่อไปได้ โดยในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนมากั้นแนวนั้นได้ร้องขอให้ประชาชนผู้ที่มารับเสด็จช่วยกันกั้นแนวไว้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีจำนวนน้อย ซึ่งผู้กล่าวหาและคนรู้จักของผู้กล่าวหา ได้เข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกันแนวกั้นผู้ชุมนุม จนกระทั่งขบวนออกพ้นจากกลุ่มผู้ชุมนุมไปแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 40-50 คน ได้หันเข้ามาทำร้ายประชาชนที่มาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไล่ทำร้ายไปเป็นระยะประมาณ 3 เมตร บริเวณฝั่งมุ่งหน้าแยกยมราช จนต้องหลบหนีเข้าไปในสนามนางเลิ้ง กลุ่มผู้ชุมนุมจึงแยกย้ายถอยกลับเข้าไปในจุดที่ได้ชุมนุม
ผู้กล่าวหาเห็นว่าการกระทำของนายเอกชัยกับพวกเป็นความผิดตามกฎหมาย จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายกับนายเอกชัยและนายบุญเกื้อหนุนผู้ต้องหาในคดีนี้กับพวกเพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ
กระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 เวลา 09.45 น.นายบุญเกื้อหนุน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่1596/2563 ซึ่งผู้ต้องหากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันพยายามกระทำการประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี" เป็นความผิดตามป.อาญา มาตรา 110 วรรคสอง ประกอบ มาตรา 80 และมาตรา 83 ได้เดินทางเข้ามามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายจับดังกล่าว
ส่วนนายเอกชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1545/2563 นั้น ตำรวจสน.ลาดพร้าวได้ติดตามจับกุมตัวได้ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.ดุสิตดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2563 เวลา 12.50 น. ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังระบุว่า ได้สอบสวนและควบคุมผู้ต้องหาจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องรอสอบปากคำอีก 10 ปาก รอผลตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาและเสนอสำนวนผู้บังคับบัญชาพิจารณาตามลำดับชั้น จึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างการสอบสวน เป็นระยะเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.2563 -28 ต.ค.2563 และหากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและก่อเหตุร้ายประการอื่น