'ครม.'รับทราบ5ข้อเสนอ'ป.ป.ช.' ป้องกัน'ทุจริตเงินอุดหนุนวัด'
"ไตรศุลี" เผย "ครม." รับทราบ 5 ข้อเสนอ "ป.ป.ช." ป้องกัน "ทุจริตเงินอุดหนุนวัด" ชี้ "พศ." ต้องมีระบบฐานข้อมูล ให้บุคคลภายนอกร่วมคกก.พิจารณาคำขอ วัดต้องมีแผนใช้จ่าย พร้อมติดตามตรวจสอบ ตั้งศูนย์ต้านโกง
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุมรับทราบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) โดยคณะกรรมการป.ป.ช.รายงานว่า เนื่องจากการตรวจสอบพบการทุจริตงบประมาณเงินอุดหนุนของพศ.ซึ่งประกอบด้วยงบประมาณ 3 ประเภทได้แก่ 1. งบประมาณเงินอุดหนุนปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด 2. งบประมาณเงินอุดหนุนการส่งเสริมเผยแผ่พระพุทธศาสนาและ 3 งบประมาณเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของป.ป.ช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ จากการศึกษาพฤติกรรมการและรูปแบบการทุจริตรวมทั้งข้อกฎหมายระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณเงินอุดหนุนของวัดของพศ.พบว่ากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเปิดช่องและเอื้อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบและเจ้าอาวาสในฐานะผู้แทนของวัดตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ปี 2505 ไม่มีความรู้เพียงพอในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของแผ่นดินทำให้บุคคลบางกลุ่มใช้วัดเป็นเครื่องมือในการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเพื่อแสวงหาประโยชน์ทำให้เกิดปัญหาและความเสี่ยงในการทุจริตตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำคำขอและจัดสรรงบประมาณ การเบิกจ่ายงบประมาณและการติดตามและประเมินผลรวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลเพื่อความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการติดตามตรวจสอบ
โดยคณะกรรมการป.ป.ช.ได้เสนอ 5 แนวทางในการป้องกันการทุจริตเงินอุดหนุนวัดดังนี้ 1.ด้านการจัดทำระบบฐานข้อมูล รัฐบาลควรกำหนดให้บูรณาการและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดทำฐานข้อมูลของวัดเป็นวาระแห่งชาติ โดยพศ.ต้องมีระบบฐานข้อมูลกลางและนำข้อมูลเดิมจัดทำเป็นข้อมูลรูปแบบดิจิทัล
2.ด้านกระบวนการจัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณ ให้พศ.จัดทำคำของบประมาณด้านการก่อสร้างการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดเป็นงบประมาณประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ และปรับปรุงคณะกรรมการพิจารณาคำขอและจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยมีบุคคลภายนอกร่วมด้วย เช่น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
3.ด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ ให้พศ.ประสานงานให้วัดหรือผู้ได้รับงบประมาณงบเงินอุดหนุนต้องจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจน และในการใช้จ่ายเงินของวัดไม่ควรเบิกจ่ายเงินล่วงหน้าก่อนมีแผนการใช้จ่ายเงิน และให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เบิกจ่ายของกระทรวงการคลังอย่างเคร่งครัด
4.ด้านการติดตามและประเมินผล พศ.ต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุน เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานและวัตถุประสงค์ของโครงการ
และ 5. ด้านการแจ้งเบาะแส ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตพศ. ควรเป็นหน่วยงานส่งเสริมสนับสนุนและให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงาน เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติตลอดจนสิทธิที่ได้รับในการแจ้งเบาะแสการทุจริต และกำหนดให้มีช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียน จากพระภิกษุและประชาชน และควรกำหนดกระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียนให้ชัดเจนและมีความรวดเร็ว