CP ยืนยันหลังควบรวม Tesco ไม่ปลดพนักงาน
ซีพี ยืนยันดูแลซัพพลายเออร์ เอสเอ็มอี คงเงื่อนไขการค้าไว้แบบเดิม หลังควบรวม 'เทสโก้ โลตัส' ชี้ การบริหารคงไว้แบบเดิม ไม่นโยบายปลดพนักงาน
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้ออกข่าวประชาสัมพันธ์ถึงกรณีการควบรวมกิจการของบริษัทในเครือซีพีกับกิจการ เทสโก้ โลตัส หรือ Tesco Lotus โดยระบุว่าทุกประเทศล้วนมีธุรกิจขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ที่สนับสนุนกัน เกิดเป็นระบบนิเวศทางธุรกิจ
ทั้งนี้ธุรกิจขนาดใหญ่ในแต่ละประเทศมีความจำเป็นในการเป็นกันชนเพื่อแข่งขันกับผู้เล่นระดับโลก ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยเหลือผู้เล่นขนาดใหญ่เพียงไม่กี่ราย ปัจจุบันธนาคาร โทรคมนาคม ธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค ล้วนมีเจ้าของเป็นต่างชาติ ดังนั้นการสนับสนุนให้คนไทยร่วมด้วยช่วยกัน โดยธุรกิจใหญ่เปิดตลาดให้ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก โดยเฉพาะการพาธุรกิจไทยออกไปแข่งขันในต่างประเทศ จึงมีความสำคัญ
สำหรับดีล เทสโก้ โลตัส ที่กลุ่มซีพีได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ในการซื้อกลับมาจาก เทสโก้ สหราชอาณาจักร มีเงื่อนไขที่สำคัญคือต้องพัฒนาเอสเอ็มอี 10% ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี ทำให้คู่ค้าและผู้ประกอบการคลายความกังวล
นอกจากนี้เงื่อนไขการค้าทั้งหมด กลุ่มซีพีจะคงไว้แบบเดิม และในส่วนของพนักงาน ซีพีไม่มีนโยบายปลดพนักงานอยู่แล้ว จึงคลายกังวลได้ระดับหนึ่ง โดยซีพี มองคู่ค้า คือ คู่ชีวิต หากคู่ค้าอยู่ไม่ได้ ซีพีจะดำเนินธุรกิจได้อย่างไร ซึ่งในหลักการที่แท้จริงแล้วความอยู่รอดของธุรกิจ ตลาด และลูกค้า เป็นผู้กำหนด เพราะลูกค้าต้องการของดี มีคุณภาพ
ดังนั้น ผู้ประกอบการทุกรายต้องพัฒนาร่วมกัน ก้าวไปด้วยกัน เช่น กรณีของแม็คโคร เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นได้ชัด ในการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน ก้าวไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ เจ้าของธุรกิจหมูแปรรูป-แช่แข็ง เผยเบื้องหลังความสำเร็จขึ้นแท่นเอสเอ็มอีขนาดใหญ่ได้ หลังเป็นคู่ค้ายาวนานกับแม็คโครมากว่า 29 ปี ชี้ว่าซีพีมีธรรมาภิบาล-ให้เกียรติคู่ค้า ร่วมพัฒนาพร้อมสนับสนุนให้เติบโตไปด้วยกันมาโดยตลอด
นางสาวรุจิกร วสุโสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เอส.ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตแบรนด์ PS Food จำหน่ายเนื้อสุกรแช่เย็น/ แช่แข็ง และแปรรูปเนื้อสุกรเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น หมูสไลด์ หมู่นุ่ม หมูสเต็ก หมูหมัก หนึ่งในธุรกิจเอสเอ็มอีที่พัฒนาและเติบโตจนก้าวขึ้นมาเป็นเอสเอ็มอีขนาดใหญ่ มีสินค้าจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ เปิดเผยว่า แบรนด์ PS Food เติบโตจากการเป็นคู่ค้ากับแม็คโคร มาอย่างยาวนานกว่า 29 ปี
โดยเริ่มทำธุรกิจเป็นคู่ค้าจำหน่ายเนื้อสุกรแช่เย็น/แช่แข็ง กับทางแม็คโคร ซึ่งจุดเริ่มต้นได้เห็นถึงช่องทางธุรกิจของแม็คโครที่เป็นห้างขายของสดขนาดใหญ่น่าจะเป็นประโยชน์กับธุรกิจใหม่อย่าง PS Food จึงติดต่อขอนำสินค้าไปเสนอกับฝ่ายจัดซื้อพิจารณา แต่ขณะนั้นแม็คโครมีเพียงสองสาขาคือที่ลาดพร้าว และแจ้งวัฒนะ
ซึ่งในช่วงแรกทางแม็คโครมีซัพพลายเออร์ธุรกิจประเภทเดียวกับ PS Food อยู่แล้ว จึงให้ตนแจ้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ไว้ กระทั่งต่อมาแม็คโครเปิดสาขาที่สาม จึงได้เรียกตนเข้าไปร่วมเป็นซัพพลายเออร์และได้เป็นคู่ค้ากับแม็คโครมาอย่างยาวนานถึงปัจจุบัน โดยสินค้าของ PS Food ได้วางจำหน่ายในทุกสาขาของแม็คโคร
ทั้งนี้ ปัจจุบัน PS Food เป็นกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีไซซ์ L หรือเอสเอ็มอีขนาดใหญ่ ที่เติบโตเคียงคู่มากับแม็คโครโดยแท้จริง ซึ่งได้เริ่มจากการจำหน่ายสินค้าในฐานะบุคคลธรรมดาทั่วไป จากนั้นได้เข้ามาเป็นคู่ค้ากับแม็คโคร จนมองเห็นว่าธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโต จึงปรับรูปแบบธุรกิจจัดตั้งจดทะเบียนบริษัท พี.เอส.ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด ขึ้นมาในปี 2535
“แม็คโครคือห้างที่ขายของสดขนาดใหญ่ และเข้าถึงคนหลากหลายกลุ่มทั้งในส่วนของพ่อค้า แม่ค้า และผู้บริโภคทั่วไป การได้เข้ามาเป็นคู่ค้าของแม็คโคร ทำให้ธุรกิจสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันสินค้าของ PS Food วางขายอยู่ทุกสาขาของแม็คโคร ทำยอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%ทุกปี” นางสาว รุจิกรกล่าว
ส่วนกรณีที่ซีพีควบรวมกิจการกับโลตัส ไม่มีผลกระทบกับธุรกิจ เนื่องจาก PS Food มีวางจำหน่ายที่เทสโก้ โลตัส อีกช่องทางหนึ่งอยู่แล้ว และมองว่าแม้ซีพีจะซื้อกิจการ ก็ไม่มีผลกระทบเพราะเป็นช่องทางการขยายตลาดของสินค้าได้มากขึ้น ประกอบกับได้เป็นคู่ค้ากับซีพีมาโดยตลอด กลุ่มธุรกิจด้านต่าง ๆ ของซีพี มองเห็นว่าซีพีเป็นองค์กรที่มีธรรมาภิบาลที่ดี หลายสิบปีที่เป็นคู่ค้ากับซีพี ได้เห็นการดูแลคู่ค้า พัฒนา ปรับปรุง และการให้เกียรติคู่ค้าของซีพีมาโดยตลอด
“การทำธุรกิจกับซีพี มีความเป็นธรรมและให้เกียรติคู่ค้าเป็นอย่างดี เชื่อว่าหากเราเป็นคู่ค้าที่ดี จำหน่ายสินค้าเป็นไปตามข้อกำหนดตามเงื่อนไข ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เราก็สนับสนุนและทำหน้าที่ของการเป็นคู่ค้าให้ดีที่สุด”