‘กรุงเทพประกันภัย’ 9 เดือนกำไรพุ่ง 26.4% แตะ 2,362.7 ล้านบาท
กรุงเทพประกันภัย 9 เดือน กำไรพุ่ง 26.4% แตะ 2,362.7 ล้านบาท จากมีเบี้ยรับรวม 17,135.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% และสิ้นปีนี้มั่นใจเบี้ยรับรวมเข้าเป้า 22,800 ล้านบาท เติบโต8% ตั้งเป้าปีหน้าเบี้ยรับรวม 5% ที่ 23,700 ล้านบาท บุกตลาดประกันสุขภาพและออนไลน์
นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 17,135.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% ด้านกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายดำเนินงานเท่ากับ 1,517.6 ล้านบาท รายได้สุทธิจากการลงทุน 1,257.2 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 2,774.8 ล้านบาท และ เมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,362.7 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 26.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 22.19 บาท โดยดาดว่า สิ้นปีนี้บริษัทจะบรรลุเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับ 22,800 ล้านบาท หรือ เติบโต 8%
สำหรับการดำเนินงานในปีหน้าบริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม 5% หรือ แตะ 23,700 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าธุรกิจประกันวินาศภัยจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากปัจจัยบวกด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในปีหน้าที่จะปรับเพิ่มขึ้น การลงทุนภาครัฐที่ยังมีต่อเนื่อง ประกอบกับ อัตราเบี้ยประกันภัยต่อในตลาดโลกที่คาดว่า จะปรับเพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อเบี้ยประกันภัยทรัพย์สิน
อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเป้าหมายการเติบโตที่ค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยความเสี่ยงจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่อาจยังมีความขัดแย้งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งใน และ ต่างประเทศ อีกทั้ง ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในอัตราที่สูง ซึ่งคาดว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโต 3.5-4.5%
ส่วนทิศทางการดำเนินงานในปีหน้าบริษัทได้เตรียมแผนงานและกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความเสี่ยงภัยด้านสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับ มีความกังวลด้านภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และ์ มีพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลนมากขึ้น บริษัทจึงได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ด้านความคุ้มครอง และ กำลังซื้อของลูกค้าผ่านช่องทางการจำหน่ายที่เข้าถึงได้อย่างสะดวก และง่ายยิ่งขึ้น
เช่น ประกันภัย Health IPD Plan แบบเหมาจ่าย (ไม่มี Limit ต่อครั้ง) ค่ารักษาพยาบาลจ่ายตามจริง ด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้น 9,000 บาท ความคุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท โดยสามารถเข้ารักษาได้ทุกกลุ่มโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยตั้งเป้ามีเบี้ยประกัน 100 ล้านบาท
ประกันภัยโรคมะเร็ง ในช่องทางออนไลน์ ซื้อง่าย ตอบคำถามสุขภาพเพียงข้อเดียว โดยให้ความคุ้มครองรวมสุงสุด 120,000 บาท ด้วยเบี้ยประกันภัยคงที่ ไม่ปรับเพิ่มตามอายุ เริ่มต้นเพียง 500 บาทต่อปี ครอบคลุมโรคมะเร็งทุกระยะ
Personal Cyber Insurance ให้ความคุ้มครองความเสี่ยงภัยจากการใช้อินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมและหลากหลาย อาทิ การถูกโจรกรรมเงิน การซื้อและขายสินค้าออนไลน์ การถูกกลั่นแกล้ง (Cyberbullying) และ การถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคในสังคมปัจจุบัน
การพัฒนาการบริการ บริษัทได้พัฒนาการบริการเพื่อให้สอดคล้องกับ Digital Lifestyle ของลูกค้า โดยร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนา Health Care Platform ให้บริการปรึกษาปัญหาสุขภาพ ทั้งในรูปแบบของการประมวลผลเพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโรค( AI Symptom Checker) และ การบริการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) โดยการบริการ AI จะเน้นไปที่การใช้ระบบเพื่อวิเคราะห์โรคในเบื้องต้นให้ผู้ใช้บริการรับทราบผลการวิเคราะห์อาการของโรค และ การบริการ Telemedicine เป็นบริการอีกทางเลือกหนึ่ง้ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายไม่ต้องเดินทางไปพบแพทย์ สามารถปรึกษาแพทย์เป็นการส่วนตัวผ่านทาง Application เมื่อปรึกษา และำ ได้รับคำวินิจฉัยเรียบร้อยสามารถรับยาตามคำสั่งยาของแพทย์ โดยยาจะถูกส่งให้ลูกค้าตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับการบริการที่สะดวกยิ่งขึ้นทั้งยังสามารถบริหารจัดการเวลา และ ค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นด้วย
การพัฒนาเทคโนโลยี บริษัทได้ให้ความสำคัญของการเป็น Data Driven Organization ที่ใช้ฐานข้อมูลในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า โดยเน้นให้ผู้บริหาร และุ พนักงานนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์เพื่อสนับสนนการตัดสินใจทางธุรกิจทั้งในงานด้านรับประกันภัย สินไหมทดแทน และ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่รองรับความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ บริษัทยังได้นำเทคโนโลยีด้าน AI และ Voice Chat BOT มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการให้บริการแก่ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น อาทิ โครงการระบบงาน AI Claims Contact Center ซึ่งใช้ AI เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะในการรับโทรศัพท์จากลูกค้า โดยระบบสามารถประเมินความต้องการของลูกค้าผ่านการสนทนาด้วยน้ำเสียงเสมือนจริง
นอกจากกลยุทธ์ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการเป็น Business Partner ของลูกค้า และ คู่ค้าของบริษัทด้วยบริการ Risk Management ซึ่งเริ่มตั้งแต่การทำ Risk Survey โดยใช้อุปกรณ์ และ เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้