'ธอส.' ขาย 'สลากชุดเกล็ดดาว' 3.5 หมื่นล้าน เงินต้นครบ โอกาสถูกรางวัลสูง

'ธอส.' ขาย 'สลากชุดเกล็ดดาว' 3.5 หมื่นล้าน เงินต้นครบ โอกาสถูกรางวัลสูง

บอร์ด "ธอส." อนุมัติ เพิ่มวงเงินออก "สลากชุดเกล็ดดาว" เพิ่มอีก 3.5 หมื่นล้านบาท เป็น 5 หมื่นล้านบาท เริ่มขายต้นธ.ค.นี้ หวังระดมทุนต่อยอดปล่อยกู้ช่วยผู้มีรายได้น้อยในโครงการทู-เจน พร้อมขยับภาระหนี้ผู้กู้เป็น 50%

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวปาฐกถาหัวข้อ สลากเด่น มั่นคง มั่งคั่ง ในงานสัมมนา Wealth Forum ลงทุนอย่างไรให้รวย จัดโดยกรุงเทพธุรกิจและฐานเศรษฐกิจว่า คณะกรรมการธนาคารอนุมัติ เพิ่มวงเงินออกสลากออมทรัพย์ ชุดเกล็ดดาว หน่วยละ 5,000 บาท เพิ่มขึ้นอีก 35,000 ล้านบาท ทำให้วงเงินสลากรวมอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท โดยคาดว่า สลากที่มีการออกเพิ่มเติม จะเริ่มขายทันทีหลังสลากชุดเก่าขายหมด ซึ่งคาดว่าจะหมดก่อน 16 ธ.ค.นี้ หลังล่าสุดมียอดจำหน่ายแล้ว 10,000 ล้านบาท

สลากชุดเกล็ดดาว มีคุณสมบัติเศษ ลงทุนเพียงหน่วยละ 5,000 บาท เป็นเวลา 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 0.4% และมีโอกาสถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท ในอัตรา 0.0045%  ซึ่งโอกาสถูกรางวัลมากกว่าสลากทั่วไปหลายเท่า โดยเงินต้นยังอยู่ครบ

อย่างไรก็ตามการเพิ่มวงเงินออกสลากชุดเกล็ดดาวครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้ต่อยอด โครงสร้างสินเชื่อบ้าน 2 Gen ที่สามารถผ่อนชำระค่างวดได้ยาวถึง 70 ปี จากปัจจุบันที่กำหนดระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุด 40 ปี บนกรอบวงเงินกู้ 10,000ล้านบาท ภายใต้ดอกเบี้ย 2% ซึ่งคาดว่าจะเริ่มปล่อยกู้สินเชื่อดังกล่าวได้ภายในต้นธ.ค.นี้

“บอร์ดอนุมัติวงเงินออกสลากเพิ่มอีก 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน เป็นทางเลือกในการออม ส่งผ่านไปสู่สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ปัจจุบันกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 2% ซึ่งหากบ้านราคา 1 ล้าน ผ่อนแค่2 พันบาท หรือราคา 2 ล้านก็ผ่อนแค่ 4 พันบาทต่อเดือน ซึ่งถูกกว่าเช่าและโครงการนี้ไม่ใช่พ่อสร้างหนี้แล้วส่งต่อหนี้ให้ลูก คนละประเด็น แต่เป็นการช่วยเหลือให้ประชาชนมีบ้านในทันทีวันนี้ บนดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งไม่จำเป็นต้องผ่อนชำระนานถึง 70ปี เพราะหากมีเงินงวดก็สามารถมาปิดได้เพื่อให้การผ่อนชำระเร็วขึ้น”

นอกจากนี้เงื่อนไขโครงการ ล่าสุดธอส. ได้มีการขยายภาระหนี้ต่อรายได้สูงสุด หรือ Debt service ratio เป็น 50% จากเดิมกำหนดอยู่ที่ราว 30% หรือ 1 ใน 3 ของรายได้ เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสกู้วงเงินที่สูงขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยให้มีโอกาสได้วงเงินกู้ที่สูงขึ้น

สำหรับของขวัญปีใหม่แบงก์รัฐ เพื่อมอบให้กับลูกหนี้ของธนาคาร ขณะนี้ได้พิจารณาเสร็จแล้ว และได้ส่งมาตรการไปให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เรียบร้อยแล้ว ซึ่งของขวัญ จะเป็นรูปแบบ Cashback ที่ให้คืนลูกหนี้ดูที่ชำระดีต่อเนื่อง 24 งวด ทั้งลูกหนี้ช่องทางปกติ และลูกหนี้ที่ชำระบนช่องทางโมบายแบงกิ้งของธอส.ราว 500-1,000 บาทต่อคน

ทั้งนี้หากดูแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อบ้านของธนาคาร คาดว่าการปล่อยสินเชื่อใหม่ น่าจะเป็นไปตามเป้าที่ 2.1 แสนล้านบาท ในปีนี้ จากภายใต้ดอกเบี้ยต่ำ และผู้ประกอบการ อสังหาริมทรัพย์ลดราคาบ้านลงมา ทำให้เป็นโอกาสสำหรับคนที่ต้องการบ้าน และการที่ธนาคารพาณิชย์มีการสกรีนลูกค้าเข้มข้น ทำให้เป็นโอกาสของธนาคารที่จะเข้าไปรองรับลูกหนี้กลุ่มนี้ ส่วนปีหน้าตั้งเป้ายอดการปล่อยสินเชื่อใหม่เติบโต 3% จากสินเชื่อปล่อยใหม่ปีนี้

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ปัจจุบันลงมาอยู่ที่ 2% แต่ยังไม่สะท้อนความเป็นจริง เนื่องจากลูกหนี้บางส่วนยังอยู่ในมาตรการช่วยเหลือ แต่ภายในสิ้นพ.ย.นี้จะมีลูกหนี้กลุ่มใหญ่ราว 2.7 แสนล้านบาท ที่จะครบกำหนดการช่วยเหลือ หลังหยุดผ่อนชำระ 4 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้นคาดว่า โอกาสที่ลูกหนี้จะกลับมาชำระไม่ได้มีราว 10% หรือ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ธนาคารก็มีการตั้งสำรองเพื่อรองรับผลกระทบไว้แล้ว

“เรามีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า กรณีที่เอ็นพีแอลที่อาจเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเตรียมเงินไว้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะเราอยู่ดีว่าสถานการณ์ทุกแบงก์วันนี้เหมือนอยู่บนหน้าผาทางการคลัง ดังนั้นบาลานซ์ ชีท ต้องเพียงพอ ไปถึงปีหน้าที่จะเปิดตู้เย็น หลังจากแช่แข็งลูกหนี้ไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าเหล่านี้จะไหลเป็นเอ็นพีแอลอีกเท่าไหร่"