ผู้นำโลกจ่อฉีดวัคซีนโควิดโชว์เรียกความเชื่อมั่น

ผู้นำโลกจ่อฉีดวัคซีนโควิดโชว์เรียกความเชื่อมั่น

ข่าวความคืบหน้าของวัคซีนโควิด-19 มีมาไม่เว้นแต่ละวัน แต่สิ่งหนึ่งที่มาควบคู่กันคือ ความไม่ไว้ใจของประชาชน เพราะการพัฒนาทำได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ร้อนถึงเหล่าผู้นำจำต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อสร้างความเชื่อมั่น

เลขานุการนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยว่า นายกฯ อาจถูกขอให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ออกโทรทัศน์ เพื่อโชว์ว่าปลอดภัย แต่จะไม่ได้ลัดคิวฉีดก่อนคนที่มีความจำเป็นต้องใช้

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน วัย 56 ปีของอังกฤษเคยติดโควิด-19 จนต้องเข้าห้องไอซียูมาแล้ว เมื่อทางการอังกฤษเห็นชอบให้ใช้วัคซีนของไฟเซอร์ จอห์นสันจึงชมเชยว่า เป็นชัยชนะของโลกและเป็นความหวัง หลังจากการระบาดของโควิด-19 ทำลายเศรษฐกิจและเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของผู้คนไปอย่างมาก

แอลลีกรา สแตรตตัน เลขานุการฝ่ายสื่อของจอห์นสันเผยว่า นายกฯ อาจฉีดวัคซีนออกโทรทัศน์ก็ได้

อย่างไรก็ตามจอห์นสันก็เหมือนกับผู้นำคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ลัดคิวฉีดวัคซีนก่อนคนที่จำเป็นต้องใช้มากกว่า กระนั้น เขาต้องการแสดงให้เห็นว่าวัคซีนปลอดภัย เพื่อชักจูงคนอื่นๆ หันมาฉีดเมื่อวัคซีนพร้อมใช้เป็นวงกว้างกว่านี้

ยูกัฟโพลล์สำรวจความคิดเห็นพบว่า ชาวอังกฤษ 20% ไม่เชื่อมั่นหรือไม่เชื่อมั่นอย่างมากว่าวัคซีนปลอดภัย 66% สนับสนุนให้แมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขฉีดวัคซีนออกทีวี

สำหรับกลุ่มคนที่ต้องได้รับวัคซีนก่อน รัฐบาลอังกฤษกล่าวว่า หน่วยงานสาธาณสุขให้ความสำคัญกับคนชราในบ้านพักคนชราและผู้ดูแลเป็นกลุ่มแรก ถัดมาคือคนที่อายุไม่น้อยกว่า 80 ปีทุกคน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแนวหน้า

ส่วนสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระชนมพรรษา 94 พรรษา กับเจ้าชายฟิลิป พระสวามี พระชนมพรรษา 99 พรรษา ที่เป็นกลุ่มสำคัญอันดับ 2 โฆษกนายกฯ กล่าวว่า ทั้งสองพระองค์ฉีดวัคซีนหรือไม่เป็นเรื่องของสำนักพระราชวังบักกิงแฮม แต่โฆษกสำนักพระราชวังปฏิเสธให้ความเห็นในเรื่องนี้ กล่าวเพียงว่า ปกติเรื่องพระพลานามัยถือเป็นเรื่องส่วนพระองค์

ช่วงที่อังกฤษล็อกดาวน์ทั้งประเทศสมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ และพระสวามี ประทับอยู่ที่พระตำหนักวินด์เซอร์ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน กับข้าราชบริพารเพียงไม่กี่คน ช่วงคริสต์มาสนี้ทั้งสองพระองค์ไม่แปรพระราชฐานไปพระตำหนักซานดริงแฮมทางตะวันออกของอังกฤษอย่างที่ทรงปฏิบัติเสมอมา

ที่สหรัฐ เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงาน อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา กล่าวเมื่อวันพุธ (2 ธ.ค.) ว่า เขาจะฉีดวัคซีนโควิด-19 และอาจถ่ายคลิปไว้เผยแพร่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าปลอดภัย

“ผมจะฉีด อาจฉีดออกทีวีหรือถ่ายคลิปไว้ เพื่อให้ประชาชนรู้ว่าผมไว้ใจในวิทยาศาสตร์ชนิดนี้ สิ่งที่ผมไม่ไว้ใจก็คือการติดโควิด”

ความเห็นของโอบามาเกิดขึ้นในช่วงที่โพลล์หลายสำนักพบว่า ชาวอเมริกันไม่แน่ใจเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ส่อเค้าบั่นทอนความพยายามควบคุมการแพร่ระบาด ที่คร่าชีวิตประชาชนทั่วโลกแล้วอย่างน้อย 1.48 ล้านคน คนผิวสีที่ได้รับผลกระทบมากกว่า ดูเหมือนไม่ค่อยอยากฉีดวัคซีน

ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กล่าวว่า ที่ผู้คนกลัวการมากก็เพราะการระบาด ประกอบกับกังวลว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันให้คณะกรรมการกำกับดูแลเร่งอนุมัติวัคซีนทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม

ปัญหาคนไม่ฉีดวัคซีนในสหรัฐมีมานานตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด เนื่องจากผลการศึกษาของคณะนักวิจัยอังกฤษในปี 2541 เชื่อมโยงการฉีดวัคซีนป้องกันหัดเกี่ยวข้องกับการที่เด็กเป็นออทิสติก ทำให้กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านวัคซีนได้ทีโหมบิดเบือนข้อมูล

โอบามากล่าวด้วยว่า เขาจะฉีดวัคซีนหากนายแพทย์แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชื่อดังของประเทศบอกว่า ปลอดภัย และเขาต้องการให้กลุ่มเสี่ยงมากที่สุดได้รับเป็นกลุ่มแรก พร้อมเรียกร้องให้พวกเขาฉีดวัคซีน

“ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนั้น ถ้าคุณสูงวัย มีโรคประจำตัว เป็นพนักงานแถวหน้า เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ทำงานร้านขายของชำ เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย คุณควรฉีดวัคซีน” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐย้ำ

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่ไว้ใจ

สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐบางคน ยังไม่แน่ใจว่าวัคซีนที่พัฒนารวดเร็วเป็นประวัติการณ์จะปลอดภัยจริงหรือไม่ พวกเขาต้องการเวลามากกว่านี้ แม้ผู้เชี่ยวชาญต่างออกมารับรองว่า กระบวนการอนุมัติของสำนักงานอาหารและยา (เอฟดีเอ) นั้นไว้ใจได้

“ฉันคิดว่าค่อยฉีดทีหลัง ตอนนี้ยังกังวลเล็กน้อย ผลการศึกษานับถึงตอนนี้ดูมีความหวังก็จริง แต่ฉันคิดว่าข้อมูลยังไม่มากพอ” โยลันดา ด็อดสัน พยาบาล วัย 55 ปี กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี เธอทำงานในโรงพยาบาลมอนเตฟิโอเร ในนิวยอร์กซิตี้ และใช้เวลาช่วงฤดูใบไม้ผลิอยู่ท่ามกลางความเป็นความตายในการต่อสู้ไวรัส

ไดอานา ทอร์เรส พยาบาลโรงพยาบาลแมนฮัตตัน ที่เพื่อนร่วมงานเสียชีวิตหลายรายจากโควิด-19 กล่าวว่า เธอไม่มั่นใจ โดยเฉพาะการที่รัฐบาลทรัมป์เร่งอนุมัติ รัฐบาลนี้จัดการการแพร่ระบาดของโควิด-19 “ราวกับเป็นเรื่องตลก”

“วัคซีนตัวนี้ใช้เวลาพัฒนาไม่ถึงปี แถมยังอนุมัติภายใต้รัฐบาลที่ทำให้ไวรัสกระจายอย่างกับไฟลามทุ่ง พวกเขาไม่ให้ประชาชนศึกษาวัคซีนนานพอ ตอนนี้ฉันขอผ่าน รอดูว่าจะเป็นยังไง”

เมื่อปลายเดือน ต.ค.ถึงต้น พ.ย. แกลลัพโพลล์สำรวจพบว่า ชาวอเมริกันเพียง 58% เท่านั้นที่จะฉีดวัคซีน แต่ก็เพิ่มจาก 50% ในเดือน ก.ย.

ส่วนที่ฝรั่งเศส บ้านเกิดของหลุยส์ ปาสเตอร์ บิดาของการฉีดวัคซีน กลับกลายเป็นประเทศที่ผู้คนหวาดระแวงวัคซีนมากที่สุดประเทศหนึ่ง

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ที่เคยประกาศว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชากรกลุ่มเสี่ยงที่สุดได้ต้นปี 2564 จากนั้นจึงฉีดเฟส 2 ให้สาธารณชนในวงกว้างขึ้นช่วงเดือน เม.ย-มิ.ย.

แต่ตอนนี้เขาต้องเจอภารกิจหนักหน่วงในการชักชวนประชาชนฉีดวัคซีนให้ได้มากพอสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ที่จะปกป้องประชากรทั้งหมดพ้นเงื้อมมือไวรัสได้

ผลสำรวจของหนังสือพิมพ์Le Journal du Dimancheเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ชาวฝรั่งเศสเพียง 41% เท่านั้นที่วางแผนฉีดวัคซีน เทียบกับชาวอเมริกัน 58% ตามผลสำรวจของแกลลัพโพลล์ ทั้งๆ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และไม่ไว้ใจวัคซีนสูงพอๆ กับในฝรั่งเศส

ยานิก จาดอต์ ผู้นำพรรคกรีน เรียกร้องให้มาครงบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีน แต่เขาปฏิเสธ อ้างว่าต้องการเอาชนะใจประชาชนได้ด้วยความโปร่งใสและไว้เนื้อเชื่อใจมากกว่า