กองทัพใช้ 'โดรน'ลาดตระเวน สกัด'โควิด'แนวชายแดน
ศปม.สกัดเข้มลักลอบข้ามแดน นำ“โดรน”ใช้ลาดตระเวนจุดคนเข้าไม่ถึงตลอดชายแดน 2,400 กม. ป้องกันคนนำโควิดเข้าไทย
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2563 ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี พล.ต. จักรพงษ์ จันทร์เพ็งเพ็ญ กองบัญชาการกองทัพไทย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) กล่าวว่า ศปม.กวดขันตรวจตราพื้นที่ชายแดนอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนที่อาจจะนำโควิดเข้ามาในประเทศโดยแบ่งพื้นที่ 3 ส่วน คือ 1.พื้นที่ชายแดน เน้นตรวจตราพื้นที่ทางธรรมชาติ แต่เนื่องจากเขตชายแดนยาว 2,400 กิโลเมตร จึงต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วย เช่น ใช้โดรนของกองทัพอากาศ ตรวจตรา ติดตั้งกล้อง ซีซีทีวีเพิ่ม วางเครื่องกีดขวาง เพื่อจำกัดพื้นที่การลักลอบเข้ามา ร่วมทั้งร่วมมือด้านการข่าวกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสกัดกั้นการเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย
2.พื้นที่ชายแดนถึงพื้นที่ตอนใน เป็นการสนธิกำลังระหว่างตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร สกัดตามพื้นที่ที่คาดว่าจะลักลอบเข้าเมือง ตรวจค้นพาหนะที่ได้รับแจ้ง เป็นต้น และ3.พื้นที่ตอนใน ซึ่งตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ จัดชุดปฏิบัติการรวจค้นสอบสวนสถานประกอบการ โรงงาน ที่มีคนค่างด้าวทำงาน หรือสถานที่ที่ได้รับแจ้งจากประชาชนว่าไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งมีชุดปฏิบัติการในการให้คำแนะนำและช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้หากประชาชนพบเบาะแส สามารถแจ้งมาได้ที่ สายด่วน 1138, 1559, 191
นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงความพร้อมทางด้านสาธารณสุข ว่า หากมีการระบาดกระทรวงสาธารณสุขและเครือข่าย รพ.กองทัพ เอกชน และมหาวิทยาลัย มีความพร้อม พื้นที่กทม.และปริมณฑล สามารถรองรับคนติดโควิด-19ได้ 230-400 รายต่อวัน ทั้งประเทศรับได้ 1,000-1,700 รายต่อวัน ขณะที่รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ 60 เตียง และสามารถขยายไปรพ.อื่นๆได้อีก 300 เตียง ส่วนที่จ.เชียงใหม่เตรียมไว้มากกว่า 120 เตียง อ.แม่สอด จ.ตาก มากกว่า 120 เตียง ส่วนที่มีข่าวลือว่าชายอายุ 70 ปีที่แม่สอด จ.ตาก ติดโควิดสียชีวิตนั้น ยืนยันว่าไม่จริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษา ใส่ท่อหายใจ ให้ยา รักษาประคับประคอง อาการดีข้นแล้ว ไม่นานออกไปอยู่ห้องปกติได้.