กทพ.ประมูลทางด่วนกะทู้ – ป่าตอง 1.4 หมื่นล้าน
กทพ.เตรียมเปิดประมูลสร้างทางด่วนกะทู้ - ป่าตอง เม็ดเงินกว่า 1.4 หมื่นล้าน ปลายปี 2564 หลังกรมป่าไม้ไฟเขียวใช้พื้นที่ เผยต่างชาติรุมจีบร่วมทุน ชิงบริหารสัมปทาน 30 ปี ประเมินผู้ใช้ทางตอบรับ ใช้บริการ 7 หมื่นคันต่อวัน
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) สายกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท โดยระบุว่า ขณะนี้กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าทั้ง 3 ส่วนเพื่อเดินหน้าก่อสร้างโครงการทางด่วนสายกระทู้ -ป่าตอง
โดยพื้นที่ดังกล่าว ประกอบไปด้วย1.ป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484, 2.ป่าถาวร และ 3. ป่าสงวนแห่งชาติเพื่อใช้ในการก่อสร้างช่วงที่เป็นอุโมงค์ ระยะทางประมาณ 1.85 กม. รวมประมาณ 109 ไร่ ซึ่งขณะนี้ได้รับอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ได้รับความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี ถือว่าเร็วกว่าแผนที่ กทพ. ได้วางไว้
ด้านนางสาวกชพรรณ เข็มทอง ผู้อำนวยการกองวางแผนและวิเคราะห์โครงการ กทพ. กล่าวว่า ขณะนี้ กทพ. ได้ส่งข้อมูลโครงการให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาการลงทุนแล้ว เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พีพีพี) โดยคาดว่า สคร. จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการพีพีพี ในเดือน ก.พ.2564 ก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาประมาณเดือน เม.ย.-พ.ค.2564
อย่างไรก็ดี หาก ครม.ให้ความเห็นชอบ ทาง กทพ. คาดว่าจะจัดสัมมนาเพื่อประเมินความสนใจจากภาคเอกชน (Market Sounding) อีกครั้ง และแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเอกชน ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการเปิดประมูลคัดเลือกเอกชนประมาณปลายปี 2564 และได้ผู้ชนะการประมูลกลางปี 2565
ทั้งนี้ โครงการทางด่วน สายกะทู้-ป่าตอง มีวงเงินลงทุน 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ค่าก่อสร้าง และค่าระบบเก็บค่าผ่านทาง ประมาณ 8 พันล้านบาท และค่าเวนคืนที่ดิน ประมาณ 6 พันล้านบาท โดยเอกชนลงทุนจะต้องลงทุนทั้งค่าก่อสร้าง และค่าระบบฯ แลกกับอายุสัมปทานบริหารจัดเก็บค่าผ่านทาง 30 ปี หลังจากนั้นต้องคืนกรรมสิทธิ์โครงการให้ กพท.เป็นผู้บริหารจัดการ
โดยโครงการดังกล่าวผลการศึกษาความคุ้มค่า พบว่า ผลตอบแทนทางการเงิน (IRR) อยู่ที่ 6% และอัตราผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) 20% ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการมีมูลค่าการลงทุนค่อนข้างสูง หากเทียบกับระยะทางก่อสร้างงานโยธา กพท.จึงศึกษาให้ผลตอบแทนเอกชนทั้งหมด และคาดการณ์ว่าเอกชนจะคืนทุนภายใน 20 ปี ซึ่งจากการสำรวจความสนใจของเอกชนในเบื้องต้น พบว่ามีเอกชนสนใจจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนต่างชาติ
“ก็ยอมรับว่าโครงการกระทู้ – ป่าตอง เป็นโครงการที่ลงทุนสูง แต่ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ ซึ่งเมื่อเปิดประมูลจริงแล้วหากไม่มีเอกชนรายใดสนใจ ทางการทางฯ คงต้องลงทุนเอง แต่หากถามว่าคุ้มหรือไม่ที่จะลงทุน ถ้าพูดในเชิงการเงินจะคุ้มค่าในระยะยาว แต่ที่ต้องการให้โครงการนี้เกิดขึ้นให้ได้โดยเร็ว ก็เพื่อประชาชน”
โดยปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ กทพ.ต้องเร่งรัดดำเนินโครงการสายกะทู้ - ป่าตอง เนื่องจากที่ผ่านมามีตัวเลขผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฉลี่ยวันละ 1 ราย เพราะทางเดินรถในปัจจุบันมีความลาดชัน แคบ จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อย หากเร่งก่อสร้างอย่างน้อยก็ช่วยรักษาชีวิตประชาชน ซึ่งคาดการณ์ว่าปีแรกของการเปิดให้บริการในปี 2570 จะมีปริมาณการจราจรประมาณ 7 หมื่นคันต่อวัน เป็นรถยนต์ 3.5 หมื่นคัน และรถจักรยานยนต์ 3.5 หมื่นคัน
สำหรับทางด่วนสายกะทู้ - ป่าตอง มีขนาด 8 ช่องจราจร หรือไป-กลับ 4 ช่องจราจร ให้รถยนต์วิ่ง 2 ช่องจราจร และรถจักรยานยนต์ 2 ช่องจราจร มีแบริเออร์คอนกรีตกั้นเพื่อความปลอดภัย เบื้องต้นค่าผ่านทางรถจักรยานยนต์ 15 บาท รถ 4 ล้อ 40 บาท รถ 6-10 ล้อ 80 บาท และมากกว่า 10 ล้อ 125 บาท ซึ่งจะปรับขึ้นค่าผ่านทางทุกๆ 5 ปี แต่ทั้งนี้จะเจราจาต่อรองกันอีกครั้งหลังจากได้ผู้ชนะการประมูลแล้ว