ค้าแข้งไม่นาน ค้าขายยั่งยืนกว่า สูตรลุยธุรกิจกาแฟมิกก้า “เจ-ชนาธิป”
การเป็นนักเตะดังระดับภูมิภาค อาจทำให้ "ค้าแข้ง" ได้เงินมหาศาล แต่ช่วงเวลากอบโกยไม่ได้ยาวนานนัก "เจ-ชนาธิป" ควง "โค้ชอ้น รังสรรค์" ลุยธุรกิจกาแฟ ที่มีกุนซือธุรกิจชั้นเยี่ยม "เศรษฐา ทวีสิน-เมย์ กุลพัชร์" คอยไกด์ทิศทาง
ต่อให้เป็นนักเตะดังระดับโลกมากความสามารถ มีพรสวรรค์และพรแสวงมากเพียงใด แต่อายุของการ “ค้าแข้ง” บนสนามฟุตบอลจะกินเวลาไม่นานนัก อาจ 10-20 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของตนเอง แต่เมื่อวัยล่วงเลยเกินจะเตะฟุตบอลได้ ความร่วงโรยของร่างกาย ทำให้นักฟุตบอล ต้องหามองหาแหล่งรายได้ใหม่ เพื่อต่อยอดเงินทุน ความมั่งคั่งในระยะยาว
นักเตะไทยที่ฝีเท้าเป็นเลิศ จนเข้าตาสโมสรดังระดับเอเชียอย่าง คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น ยอมทุ่มทุนหลัก “ร้อยล้านบาท” เพื่อให้ร่วมทีมด้วย ชื่อของ “เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์” ย่อมอยู่อันดับต้นๆในรายนามทำเนียบนักเตะของภูมิภาค เพราะเขาคือ นักเตะหมายเลข 1 ของอาเซียน และแน่นอนว่าความดังและค่าจ้างที่ได้รับ หากเทียบแบรนด์บุคคลของ “ชนาธิป” มูลค่าสินทรัพย์ย่อมมีมหาศาล
เมื่อค้าแข้งทำได้ระยะสั้น โอกาสทำเงินไม่นาน ทำให้ต้องใช้เงินต่อเงิน จึงมองหาลู่ทางทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 21-22 ปี กับแบรนด์เสื้อผ้า ด้วยเงินทุนเริ่มต้นหลัก “แสนบาท” แต่ตลาดที่แข่งเดือด เมื่อได้กำไรพอสมควร จึงเลิกทำสินค้า
ทว่า ล่าสุด “ชนาธิป” ควงคู่ “โค้ชอ้น-รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค” ลงขันกันคนละ 50% เพื่อลุยธุรกิจร้านกาแฟ “มิกก้า”(Mikka) ในเครืออาฟเตอร์ยู ประเดิมสาขาแรกที่อาคาร HUGS Building ของแสนสิริ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ดินที่แพงที่สุดในประเทศไทย และเตรียมจะสร้างโครงการที่อยู่อาศัยตารางเมตรละ 1 ล้านบาท ทุบสถิติแพงสุดเช่นเดียวกัน
สำหรับ “เบื้องลึก-เบื้องหลัง” การทำธุรกิจครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะส่วนหนึ่งมีแรงบันดาลใจจากนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อย่าง “เศรษฐา ทวีสิน” บิ๊กบอสของแสนสิรินั่นเอง
“โค้ชอ้น” รู้จักกับ “เศรษฐา” มาประมาณ 10-12 ปี ส่วน “ชนาธิป” รู้จักมาประมาณ 5 ปี ขณะที่ความหลงใหลเครื่องดื่ม “กาแฟ” เป็นทุนเดิม จึงมองหา “แบรนด์” ที่จะสร้างการเติบโตได้ แม้ “เศรษฐา” จะมีส่วนช่วยเลือกแบรนด์ ทำเล แต่อีกทุนเดิมคือ “ชนาธิป” ที่รู้จักกับ “เมย์ กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ” ผู้ปลุกปั้นอาฟเตอร์ยู จึงพร้อมช่วยเหลือให้คำปรึกษา และติดต่อได้โดยตรง "สายสัมพันธ์ที่ดี" หรือ connection ปึ้ก! ทำให้ใช้เวลาในการเจรจา 2 เดือน นำมาสู่การเปิด “สาขาแรก” บนที่ดินของแสนสิริ ระยะเวลาเช่า 3 ปี
“ผมอยู่ญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่การทำธุรกิจกาแฟมิกก้า ผมกับโค้ชอ้นชวนกันทำธุรกิจ และมีคุณเศรษฐาที่เอ็นดูเรา 2 คน คอยให้คำปรึกษาเลือกทำเล เพราะความรู้เรื่องธุรกิจ คุณเศรษฐาคือเบอร์1 เป็นตัวจริง และถือเป็นความกรุณาในการให้เช่าที่เปิดร้านด้วย ส่วนการเลือกแบรนด์มิกก้า เพราะมีระบบแฟรนไชส์ที่ดี แบรนด์แข็งแรง ซึ่งเป็นแต้มต่อการทำธุรกิจดีกว่าสร้างแบรนด์เองที่เสี่ยง ในการแข่งขันทามกลางตลาดเครื่องดื่มกาแฟดุเดือดมาก”
ที่ดินแพงระยับ กับการขายกาแฟแก้วเริ่มต้น 45 บาท ค่อนข้างสวนทางกัน แต่ “ชนาธิป” บอกว่า แม้ทำเลที่ตั้งจะแพง แต่กลุ่มเป้าหมายในย่านดังกล่าวคือ “มนุษย์เงินเดือน” และคนที่มาออกกำลังกายในสวนลุมพินี “ราคา” จึงตอบโจทย์ผู้ซื้ออย่างดี
นอกจากนี้ “ชนาธิป” เป็นนักฟุตบอลดังระดับภูมิภาค มีแฟนคลับจำนวนมาก เฉพาะบนสื่อสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ติดตามมากกว่า 3 ล้านคน จึงเป็น “ฐานลูกค้า” ได้ด้วย ซึ่งจากการชิมลางขายกาแฟไปกว่า 1 สัปดาห์ มียอดขายเฉลี่ย 250 แก้วต่อวัน ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 150 แก้วต่อวัน หากสาขาแรกประสบความสำเร็จยอดขายดีต่อเนื่อง 2-3 เดือน จะพิจารณาขยายสาขาที่ 2 ต่อไป
สำหรับแนวทางการทำตลาด วางกลยุทธ์ในการใช้คนดังหรืออินฟลูเอ็นเซอร์โลกออนไลน์มาช่วยรีวิวเครื่องดื่มและสถานที่ เพราะปัจจุบันร้านกาแฟเป็นมากกว่าสถานที่จำหน่ายเครื่องดื่มแต่สามารถถ่ายรูปบ่งบอกสถานะ ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ ยังหารือกับ “กุลพัชร์” ในการสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มกาแฟเพื่อจำหน่ายในร้านแบบเอ็กซ์คลูสีพเฉพาะสาขาด้วย
อย่างไรก็ตาม การลุยธุรกิจท่ามกลางวิกฤติโควิด ถือเป็นความเสี่ยง แต่หากกลัวย่อมไม่ได้เริ่มต้น และการลงสนามค้าขายครั้งนี้เปรียบเสมือนการใช้ความเร็วเข้าสู้หรือ Speed to Market ด้วย
“การค้าแข้งมีระยะเวลาประมาณ 10 ปี ระหว่างทางมีช่วงขาขึ้นขาลง ไม่ได้ทำเงินมากได้ตลอด จึงต้องมองหาธุรกิจเพื่อลงทุนต่อยอดการเงินสร้างความมั่นคงในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การเป็นนักฟุตบอล เป้าหมายการเล่นคือความเป็นเลิศ ส่วนธุรกิจเป้าหมายสูงสุดคือการทำกำไร”