สรุปมาตรการด่วน 'ระยอง' สกัดโควิด-19 ปิดสถานที่ใดบ้าง เช็คที่นี่!
ผู้ว่าฯ ระยอง ออกมาตรการด่วน สกัดโควิด-19 สั่งปิดสถานที่ใดและมีแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางเข้า-ออกจังหวัดอย่างไรบ้าง เช็คที่นี่!
เมื่อคืนที่ผ่านมา นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ในฐานะผู้กำกับบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่จังหวัดระยอง ออกคำสั่งจังหวัดระยอง ที่ 18388/2563 มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 26 ธ.ค. 2563 โดยมีรายละเอียดพอสังเขปดังนี้
ปิดสถานที่เสี่ยงการแพร่ระบาดในจังหวัดระยอง
สนามมวย สถานที่ฝึกซ้อมมวย สนามชนไก่ สนามซ้อมไก่ สถานประกอบกิจการสนุกเกอร์ บิลเลียด
มาตรการในเขตอำเภอเมืองระยอง ให้ปิดสถานที่ดังต่อไปนี้
- สถานบริการ ผับ บาร์ สถานบันเทิง และสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ
- สถานศึกษา โรงเรียนกวดวิชา และโรงเรียนสอนศิลปะ สอนกีฬา และสอนวิชาชีพ ทั้งภาครัฐและเอกชน
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ทั้งภาครัฐและเอกชน
- สถานรับเลี้ยงเด็ก ยกเว้น การให้บริการแบบอยู่ประจำ
- สถานดูแลผู้สูงอายุ ยกเว้น การให้บริการแบบอยู่ประจำ
- สถานประกอบกิจการ อาบ อบ นวด
- สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร
- สถานประกอบกิจการนวดแผนไทย นวดหน้า นวดตัว นวดฝ่าเท้า
- ร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต ร้านคาราโอเกะ
- คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม
- สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส
- สระว่ายน้ำสาธารณะ
- พิพิธภัณฑ์ อุทยานการเรียนรู้ ศูนย์การเรียนรู้ หรือสถานที่อื่นใดที่มีลักษณะเดียวกัน
- ห้องสมุดสาธารณะ
- สถานที่สัก หรือเจาะผิวหนังหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
- โรงมหรสพ
- สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุก
- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ห้างสรรพสินค้าจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ศูนย์จำหน่ายสินค้าด้านเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ ยกเว้น แผนกซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ธนาคาร ที่ทำการหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจเท่านั้นที่ยังเปิดให้บริการ ร้านอาหารในห้างตามข้างต้นให้เปิดเฉพาะนำกลับไปบริโภคที่อื่นหรือนำกลับบ้าน
มาตรการนอกเขตอำเภอเมืองระยอง
ให้สถานบริการ ผับ บาร์ สถานบันเทิง และสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ เปิดบริการได้ถึงเวลา 24.00 น. ส่วนในอำเภอเมืองระยองให้ปิดบริการ
การป้องกันโรค
เจ้าของ ผู้ประกอบการ ผู้ดูแลรับผิดชอบสถานที่ หรือกิจกรรมและกิจการต่าง ๆ ทุกประเภท ต้องมีมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด รวมทั้งให้ผู้ใช้บริการ หรือเข้าไปยังสถานที่ หรือร่วมทำกิจกรรม ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า รักษาระยะห่าง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด รวมทั้งใช้แอพพลิเคชันไทยชนะ และต้องยอมรับการกักกันตามระยะเวลาและในสถานที่ที่รัฐกำหนดหากอยู่ในข่ายที่ต้องกักกัน
ถ้าฝ่าฝืนมีโทษอย่างไร
ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคําสั่งนี้ อาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจ้าคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง