3 ฉากทัศน์โควิด-19ระบาดรอบใหม่ ติดเชื้อสูงสูด 18,000 ต่อวัน

3 ฉากทัศน์โควิด-19ระบาดรอบใหม่ ติดเชื้อสูงสูด 18,000 ต่อวัน

3 ฉากทัศน์โควิด-19ระบาดรอบใหม่ สีแดงผู้ป่วยทะยานขึ้นสูงสุด 18,000 รายต่อวัน สีเหลือง 8,000ราย สีเขียวต่ำกว่าวันละ 1,000 ราย  ศบค.มท.สั่งด่วนผู้ว่าฯประเมินความเสี่ยง แบ่งโซนพื้นที่ลงลึกถึงระดับตำบล-อำเภอ ต้องเสร็จภายใน 1 วัน ย้ำประเมินผลอีก 7 วัน

         เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 ธ.ค. 2563 ในการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) กล่าวว่า ประเทศไทยตรวจพบผู้ติดโควิด-19 รายใหม่ 155 ราย เป็นการค้นหาเชิงรุกในแรงงานต่างด้าว 11 ราย สถานที่กักกัน 10 ราย และติดเชื้อในประเทศ 134 รายในจำนวนนี้ แยกเป็นเชื่อมโยงกับจ.สมุทรสาคร 12 ราย จ.ระยอง 2 ราย  ติดเชื้อในประเทศในสถานบันเทิง สถานที่ชุมชน อาชีพเสี่ยงและผู้สัมผัสผู้ป่วยรายก่อนหน้า 17 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวนโรค  ในกทม.3 ราย นครปฐม 5 ราย ลำปาง  1 ราย  ระยอง 56 ราย ชลบุรี 28 ราย จันทบุรี 3 ราย และสมุทรปราการ 7 ราย  โดยขณะนี้พบผู้ติดเชื้อกระจายไปใน 45 จังหวัด

      นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ได้จัดทำฉากทัศน์ของการระบาดระลอกใหม่เป็น 3 รูปแบบโดบนับตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.2563-14 ม.ค.2564 ได้แก่ 1.สีแดง กรณีไม่มีการทำมาตรการใดๆจะมีผู้ติดเชื้อเป็นแบบระฆังคว่ำ  จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อชันขึ้นเริ่มต้นจากวันละ 1,000-2,000 ราย และจนถึงวันที่ 14 ม.ค.2564 จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดวันละ 18,000 ราย  2.สีเหลือง มีมาตรการกลางๆ จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละ 8,000 ราย และ3.สีเขียว ถ้าทำมาตรการเข้มข้น ซึ่งคนไทยเคยทำได้ คือใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอออล์เจล ผู้ติดเชื้อรายใหม่จะอยู่ที่วันละน้อยกว่า 1,000 ราย  

      “แนวโน้มผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังขึ้นวันละหลักร้อยหรือหลายร้อย ยังอยู่ในเส้นสีเหลือง ซึ่งน่ากังวลใจมาก ถ้าไม่ทำอะไรกราฟก็ยังทะแยงขึ้น 45 องศา ถ้าสะสมจนถึงปลายเดือนม.ค.2564ก็จะมีคนป่วยหลักหลายพัน และเป็นหมื่นคน ดังนั้น การระบาดระลอกใหม่ไม่อยากเห็นภาพเส้นสีแดงในกลางเดือนม.ค.  เพราะฉะนั้น ถ้าคนทำความเข้าใจและร่วมมือกันวันนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทยก็จะไม่มากเหมือนต่างประเทศ”นพ.ทวีศิลป์กล่าว

160922085831

        นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สถานการร์การแพร่ระบาดภายในประเทศ ซึ่งการแพร่ระบาดของผู้ติดเชื้อยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 2 ลักษณะ คือ 1.การติดเชื้อจากบุคคลสู่บุคคล แบ่งออกเป็น 2 แบบ โดยทราบว่าตนเองเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง /กิจกรรมเสี่ยง หรือ ไม่ทราบและไม่ระมัดระวังว่าได้สัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ และ2.การติดเชื้อแบบกลุ่มก้อน ซึ่งมีสาเหตุจากการเข้าไปร่วมกิจกรรมต่างๆ  อาทิ กิจกรรรมที่ดำเนินการถูกต้อง งานเลี้ยงสังสรรค์ การประชุม หรือกิจกรรมที่ลักลอบดำเนินการ เช่น การพนัน การมั่วสุม

       โฆษกศบค. กล่าวด้วยว่า  มาตรการที่ใช้ในการป้องกันและจัดการได้ นำมาสู่การควบคุมนั้น ยังใช้การแบ่ง 4 พื้นที่เสี่ยงเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด และพื้นที่เฝ้าระวัง แต่สิ่งสำคัญมากที่สุดคือการแปลงไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.)ได้ประชุมศบค.มท. และได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในฐานะได้รับมอบหมายอำนาจจากพรก.ฉุกเฉิน และพรบ.โรคติดต่อ ให้แบ่งส่วนพื้นที่ต่างๆภายในจังหวัดให้ชัดเจน โดยลงลึกถึงระดับอำเภอและตำบล ให้เสร็จภายในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ โดยศบค.มท. ศบค.สธ.และคณะกรรมโรคติดต่อจังหวัดแต่ละจังหวัดจะประเมิน ระดับพื้นที่สถานกาณ์ และผู้ว่าราชการจังหวัดจะประกาศให้ประชาชนรับทราบ

           ยกตัวอย่าง  จ.สมุทรสาคร มี 3 อำเภอเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ส่วนพื้นที่รอบนอกก็เป็นพื้นที่ควบคุม  จ.ระยองประกาศให้อ.เมือง เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ซึ่งหากประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดทั้งจังหวัด ก็จะทำให้จังหวัดที่อยู่รอบๆจะกลายเป็นพื้นที่ควบคุม ซึ่งอาจจะไม่เป็นธรรมนัก เพราะฉะนั้น  จึงต้องประเมินระดับความเสี่ยงพื้นที่เป็นระดับอำเภอมากที่สุด เพื่อที่อำเภอรอบๆก็เป็นพื้นที่ควบคุม ห่างออกไปก็เป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด ห่างไปอีกก็จะเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง  และถ้าซอยย่อยพื้นที่เป็นแบบรังผึ้งได้ถึงระดับตำบลที่มีอบต. หรือระดับบ้านที่มีอสม.ก็จะทำให้ประชาชนมีอิสระยืดหยุ่นในการใช้ชีวิตประจำวัน 

    ทั้งนี้ ใครรู้เบาะแสแหล่งมั่วสุมของกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายซึ่งเสี่่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที และคนที่เคยเดินทางไปพื้นที่ที่มีการติดเชื้อขอให้กักกันตนเอง และเลี่ยงการสัมผัสคนอื่นเป็นเวลา 14 วัน ถ้ามีอาการผิดปกติให้ไปรพ.ขอตรวจเชือ้ได้เลยและแจ้งประวัติชัดเจน

     “ขอความร่วมมือประชาชน เน้นย้ำปฏิบัติมาตรการทุกอย่างที่จะออกจากจังหวัดอย่างเข้มข้น ก็จะใช้เวลานับจากนี้ไป 7 วันรวมช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่จะเน้นความสำคัญเรื่องการติดโควิด-19 และประเมินอีกครั้ง อยู่บนข้อแม้การควบคุมโรคได้ มีทรัพยากรรองรับ รัฐ เอกชน และประชาชร่วมมือกันเต็มที่ก็จะยังคงใช้มาตรการแบ่ง 4 พื้นที่ต่อไป แต่ถ้าเห็นประชาชนไม่ร่วมมือ เอกชนก็ย่อหย่อน ในแบบที่ภาครัฐบอกให้ปฏิบัติแต่เอกชนไม่ปฏิบัติ ก็ต้องทบทวนมาตรการทั้งหมด ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือดี ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดพื้นที่  และทุกคนจะมีอิสระการใช้ชีวิตตามระดับพื้นที่ที่กำหนด สำคัญที่สุดทุกคนต้องร่วมมือกัน”นพ.ทวีศิลป์กล่าว