'7 วันอันตราย' ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 วันที่สอง อุบัติเหตุ 586 ครั้ง เสียชีวิต 74 ราย
"7 วันอันตราย" ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 วันที่สอง อุบัติเหตุ 586 ครั้ง เสียชีวิต 74 ราย ศปถ.คุมเข้มลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุ กำชับด่านชุมชนกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย
เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 63 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่พ.ศ.2564 สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 30 ธ.ค. 63 เกิดอุบัติเหตุ 586 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 74 ราย ผู้บาดเจ็บ 576 คน สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 2 วันของการรณรงค์ (29 -30 ธ.ค.63) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,000 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 117 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 1,014 คน ประสานจังหวัดคุมเข้มลดปัจจัยเสี่ยงหลักของการบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยเฉพาะขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ดื่มแล้วขับ และไม่สวมหมวกนิรภัย รวมถึงเพิ่มความเข้มข้นจัดตั้งจุดตรวจของด่านชุมชนในเส้นทางสายรอง เส้นทางเข้าออกชุมชนและหมู่บ้าน อีกทั้งขอความร่วมมือประชาชนจัดงานเฉลิมฉลองภายในครอบครัว เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เทศกาลปีใหม่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความปลอดภัย
นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 30 ธ.ค. 63 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 586 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 74 ราย ผู้บาดเจ็บ 576 คน
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 33.96 ขับรถเร็ว ร้อยละ 33.45 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.03 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 66.38 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 40.61 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 33.45 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 27.99 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด อยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 29.38 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,927 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 61,710 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 351,923 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 62,598 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 19,102 ราย ไม่มีใบขับขี่ 16,135 ราย
โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา (26 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา (5 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา (32 คน) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 2 วันของการรณรงค์ (29 - 30 ธ.ค.63) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,000 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 117 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 1,014 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 26 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (36 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา (จังหวัดละ 6 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (41 คน)
นายสุภัทร กล่าวต่อไปว่า วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงที่หมายแล้วและเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หลายพื้นที่งดจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ที่มีการรวมตัวของกลุ่มคนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการแพร่ระบาดของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) จึงคาดว่า ประชาชนจะจัดงานสังสรรค์กับครอบครัวและญาติมิตรภายในครอบครัวและเขตหมู่บ้าน ซึ่งอาจเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนจากการดื่มแล้วขับในเส้นทางสายรอง ถนนในอบต.และหมู่บ้าน ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ประสานจังหวัดดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนในเส้นทางดังกล่าวเป็นพิเศษ
โดยเน้นปฏิบัติการลดปัจจัยเสี่ยงหลักของการบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยเฉพาะขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ดื่มแล้วขับ และไม่สวมหมวกนิรภัย รวมถึงเพิ่มความเข้มข้นจัดตั้งจุดตรวจของด่านชุมชนในเส้นทางสายรอง เส้นทางเข้าออกชุมชนและหมู่บ้าน เพื่อป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน พร้อมคุมเข้มกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ให้สวมหมวกนิรภัยและไม่ขับขี่ด้วยความคึกคะนอง เพื่อสร้างการสัญจรปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ได้ขอความร่วมมือจังหวัดปรับมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับสถานการณ์และปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่ รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดการจัดงานรื่นเริงที่มีการรวมตัวของกลุ่มคนเป็นจำนวนมาก โดยขอให้จัดงานเฉลิมฉลองภายในครอบครัว เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ขอฝากให้ผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติ ตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด มีน้ำใจต่อผู้ร่วมใช้เส้นทาง เพื่อให้เทศกาลปีใหม่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความปลอดภัย