ผ่าดวง ‘ประยุทธ์’ ปีฉลู พ้นปีชง เจอปีไม่เกื้อหนุน
แม้ดวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จะผ่านพ้นปีชง อะไรหลายอย่างพลิกผัน กลายเป็นดีขึ้น ทุกอย่างเบาบางลง แต่ปี 2564 เป็น 'ปีฉลู' คือ 'ปีที่ไม่เกื้อหนุน' ทำให้ต้องเหนื่อยด้วยตัวเอง
ปี 2563 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ ‘สาหัสสากรรจ์’ ของ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ก็ว่าได้ ทั้งเผชิญกับข้อติดขัดในการบริหารราชการบ้านเมือง และปัญหาส่วนตัวที่ถาโถมเข้ามาตั้งแต่ต้นปี เริ่มจากสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก พันเอกประพัฒน์ จันทร์โอชา บิดา ด้วยรักษาอาการโรคหลอดเลือดสมองตีบและมีอาการสมองเสื่อม
ส่วนบุตรสาวฝาแฝด ธัญญา และ นิฏฐา จันทร์โอชา ก็ถูกให้ร้ายผ่านโซเชียลมีเดีย ด้วยข้อกล่าวหารุนแรง จนนำไปสู่การดําเนินการทางกฎหมาย เช่น การกล่าวหาว่าเปลี่ยนนามสกุล อาศัยอย่างสุขสบายอยู่ในคฤหาสน์ต่างประเทศ เป็นเส้นทางฟอกเงินของบิดาและอื่นๆ
ในขณะการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้สร้างปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม เป็นสาเหตุคนตกงานเป็นจำนวนมาก ควบคู่ไปกับปัญหาผู้ชุมนุมทางการเมือง เรียกร้องให้ลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบัน กว่าจะผ่านมาได้ทำเอา พล.อ.ประยุทธ์ หืดขึ้นคอ ส่วนหนึ่งเชื่อกันว่าน่าเป็นผลพวงของ “ปีชง” 100%
ดร.ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล หรือ ‘ซินแสภาณุวัฒน์’ ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษากิติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา ได้อัพเดท ดวงชะตาของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า
ตามดวงชะตา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเกิดวันที่ 21 มีนาคม 2497 อายุ 66 ปี ย่างเข้า 67 ปี ดวงอยู่ในปีชงตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา (ปีชวดชงกับปีมะเมีย ปีเกิดนายกรัฐมนตรี) ทำให้ปัญหาต่างๆ ประเดประดังเข้ามาในทุกๆ เรื่อง แต่หลังวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ก็จะพ้นปีชง แต่ต้องหลังวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ก็จะปลอดโปร่ง เพราะเข้าสู่ปีฉลู
ทั้งนี้ แม้ดวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จะผ่านพ้นปีชง อะไรหลายอย่างพลิกผัน กลายเป็นดีขึ้น ทุกอย่างเบาบางลง แต่ปี 2564 เป็น “ปีฉลู” คือ “ปีที่ไม่เกื้อหนุน” ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเหนื่อยด้วยตัวเอง และต้องระวังคนรอบข้าง ที่อาจนำพาความเดือดร้อนมาให้ จะไว้วางใจใคร 100% ไม่ได้
"สิ่งสำคัญต้องระวังเรื่องการทุจริตแอบแฝง ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เดือดร้อนภายหลัง นายกฯ จะทำอะไรต้องตรวจสอบ ตรวจเช็คให้ดี อย่าไว้วางใจว่า สั่งงานไปแล้วทุกคนจะทำตามที่สั่ง เพราะสิ่งนั้นจะส่งผลย้อนหลัง มาทำให้ท่านเสียหายได้"
‘ซินแสภาณุวัฒน์’ บอกด้วยว่า "ให้นายกฯ ระวังเรื่องสุขภาพ ขณะนี้จะเห็นว่า นายกฯ ซูบผอมไปมากเพราะเจอสารพัดเรื่อง และประจวบเหมาะกับปีชงที่เหลืออีก 1 เดือน คือ มกราคม 2564 ต้องระวังช่วงนี้ให้ดี”
นอกจากนี้ ‘ซินแสภาณุวัฒน์’ ยังพูดถึงดวงเมืองปี 2564 ว่า ประเทศไทยได้มีการวางดวงเมืองไว้ ตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในช่วงที่มีการวางหลักเมือง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พุทธศักราช 2325 เวลาย่ำรุ่ง 06.54 นาฬิกา เป็นวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีจุลศักราช 1144 เมื่อนับอายุมาจนถึงปัจจุบันก็เป็นการย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 239 ปีแล้ว
เมื่อได้คำนวณตามหลักโหราศาสตร์จีนแล้ว ถือว่าเป็นปีนักษัตรขาล ธาตุน้ำ เดือนมะโรง ยามเถาะ ซึ่งการวางดวงเมืองในขณะนั้น ก็ต้องถือว่าประเทศไทยของเรานั้น จะต้องมีการดูแลประเทศโดยผู้ที่มีอำนาจของปืนไฟอยู่ในมือ ซึ่งนั่นก็คือทหารหาญ เนื่องจากเป็นปีนักษัตรขาล คือ ปีเสือนั่นเอง
ส่วนเดือน “เมษายน” นั้นตามหลักโหราศาสตร์จีนก็ถือว่า เป็นเดือนนักษัตรมะโรง ซึ่งก็คือเดือนมังกร ที่เป็นสัญลักษณ์ของฮ่องเต้ของปวงชนชาวจีน ก็คือจะต้องมีองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ปกครองประเทศ อีกทั้งเวลาที่ “ย่ำรุ่ง” นั้นก็เป็นยามนักษัตรเถาะ คือ กระต่าย ที่มีความอ่อนโยน ใจดีมีความโอบอ้อมอารี รักความสงบ สันติ
อีกทั้ง 3 นักษัตรที่เป็นนักษัตรขาล นักษัตรมะโรง และนักษัตรเถาะ นั้น ก็เป็นสัญลักษณ์ของความเที่ยงตรง มีความยุติธรรม มีความอ่อนโยน ใจอ่อนใจดี มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง อีกทั้งก็เป็นปีนักษัตรขาล ธาตุน้ำ ซึ่งธาตุน้ำนั้นก็คือเรื่องของธุรกิจ การค้า การพาณิชย์และตลาดทางการเงิน
เมื่อได้วิเคราะห์จากดวงเมืองของประเทศไทย ที่ได้มีการตั้งขึ้นมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว การที่จะส่งผลทำให้มีความรุ่งเรืองตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน และต่อไปในอนาคต ประเทศไทยของเราก็จะต้องมี “สถาบันพระมหากษัตริย์” เป็นเสาหลักของบ้านเมือง จะต้องมีทหารหาญที่มาคอยดูแลปกป้องประเทศ
ซึ่งพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย รวมทั้งพระราชินีในปัจจุบันนี้ ทั้ง 2 พระองค์ ท่านก็ทรงเป็นทหารเช่นเดียวกัน
อีกทั้งจะต้องมีพ่อค้า นักธุรกิจเป็นผู้สร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศไทยต่อไปในอนาคต รวมทั้ง “พระสยามเทวาธิราช “ มาปกปักษ์รักษาดูแลประเทศ ใครที่คิดไม่ดีทำไม่ดีกับบ้านเมืองก็จะต้องมีอันเป็นไป แพ้ภัยในสิ่งที่ตัวเองกระทำ อย่างที่ได้พบได้เห็นตัวอย่างตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงในปัจจุบันนี้
ตามหลักของวิชาโหราศาสตร์จีน วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ ถือว่าเป็นวันตรุษจีน ซึ่งก็จะเป็นการก้าวเข้าสู่ปีนักษัตรฉลู ธาตุทอง หรือปีซิงทิ่ว ตามหลักของจักรพรรดิ และถ้านับตามหลักของวิชาดวงจีน ( ลิบชุน) จะเริ่มย่างก้าวเข้าสู่ปี”นักษัตรฉลู ธาตุทอง”ตั้งแต่วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป
และเมื่อดวงเมืองได้ย่างเข้าสู่ปีนักษัตรฉลู ธาตุทอง ก็เป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 ของการเริ่มต้นของรอบปีนักษัตรใหม่ ที่ส่งผลให้ภาพรวมโดยทั่วไปในปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงดวงชะตาของบ้านเมือง เหตุการณ์หลายๆอย่างจะพลิกผันเปลี่ยนจากความสับสนวุ่นวาย ในสังคมที่มีมาให้เห็นตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 จะค่อยๆสงบนิ่งลงไปในหลายเรื่อง
“ซินแสภาณุวัฒน์” ทำนายด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะโด่งดังมากๆ ในปี 2565 ซึ่งเป็นปีขาล นอกจากจะสมพงษ์ดวง พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว ยังเป็นปีที่สมพงษ์กับดวงบ้านเมือง ไปถึงปี 2566 เพราะเป็นปีธาตุน้ำ หมายถึง การเงินสะพัด แต่พอพ้นตรงนี้ไป ก็จะเจอกับธาตุไม้ดูดเงิน และเจอธาตุไฟเผาเมือง
ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ประเทศไทยจะวนเวียนเป็นวัฎจักรแบบนี้ตลอดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เพียงแต่ขอให้ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท แล้วเราจะผ่านทุกอย่างไปได้ เพราะประเทศไทย มีพระสยามเทวาธิราช และบารมีของราชวงศ์จักรีคุ้มครอง