'วงพนัน-บ่อนวิ่ง-คาสิโน' โยงสีกากี?

เมื่อมีข่าวจับ “บ่อนการพนัน” สิ่งที่มักจะได้ยินจากคำชี้แจงของตำรวจคือ “บ่อนวิ่ง”

เพราะวิ่งไปวิ่งมา เกินกำลังที่ตำรวจจะรับรู้ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว บ่อนการพนันไม่ได้มีเฉพาะ “บ่อนวิ่ง” แต่ยังมีบ่อนอย่างน้อยๆ 4 ประเภทที่คนในวงการการันตีว่า เป็นไปไม่ได้ที่ตำรวจจะไม่รู้เห็นกับบ่อนเหล่านี้

ข้อมูลจากบุคคลที่เคยคลุกคลีอยู่ในแวดวงบ่อนการพนันย่านชานเมืองของกรุงเทพฯ สรุปว่า บ่อนการพนันมีอยู่ 4 ประเภทใหญ่ๆ

ประเภทแรก คือ “บ่อนวิ่งจริงๆ” หมายถึงการเล่นการพนันของกลุ่มนักพนันที่นัดกันไปเล่นตามสถานที่ หรืองานต่างๆ เช่น งานศพ หรือบ้านของนักพนันคนใดคนหนึ่ง หรือแม้แต่เล่นตามตรอกซอกซอย มีลักษณะเป็นวงเล็กๆ เปลี่ยนสถานที่กันไปเรื่อยๆ บ่อนประเภทนี้จะมีนักพนันและเจ้ามือรวมกันประมาณ 5-15 คน

รูปแบบการพนันที่นิยมเล่น ก็เช่น กำถั่ว ไฮโล บ่อนประเภทนี้มีทั้งบ่อนชาวบ้านจริงๆ กับบ่อนที่มีเจ้ามือจากนอกพื้นที่เดินสายมาท้าประลองฝีมือ เป็นบ่อนที่ถูกจับบ่อยที่สุด เวลาถูกจับก็จะมีภาพข่าววิ่งหนีกันกระเจิง

ประเภทที่ 2 คือ บ่อนการพนันที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย บางคนเรียก “บ่อนวิ่ง” เหมือนกัน จะมีการไปตั้งบ่อนตามพื้นที่ไกลหูไกลตา แล้วล้อมรั้วสังกะสี หรือกั้นผ้าเพื่อบังสายตาจากผู้คน โดยจะมีการตั้งบ่อนคราวละ 5-7 วัน จากนั้นก็จะย้ายไปตั้งจุดอื่นๆ ต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกร้องเรียน และถูกแจ้งให้ตำรวจเข้าจับกุม

บ่อนประเภทนี้จะมีการจ้าง “สเกาท์” คอยประจำจุดเพื่อดูลาดเลา และรีบแจ้งคนในบ่อนหากมีตำรวจเข้าตรวจค้น แต่บ่อนพนันลักษณะนี้ แน่นอนว่าต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

รูปแบบการพนันที่นิยมเล่น มีทั้งไพ่ โปปั่น น้ำเต้าปูปลา หรือที่เรียกว่า “บ่อนกุ้งปลา” บ่อนประเภทนี้ถูกทลายบ้างเป็นครั้งคราว เพราะถูกชาวบ้านร้องเรียนจนตำรวจเพิกเฉยไม่ไหว

บ่อนประเภทที่ 3 เป็น “บ่อนถาวร” มีการเช่าสถานที่ เช่น อาคารพาณิชย์ หรือบ้านขนาดใหญ่ หรือแม้แต่โกดัง ติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์เล่นการพนัน ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ เครื่องปรับอากาศ มีอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการ และมี “คนคุมบ่อน”

บ่อนลักษณะนี้ เหมือนกรณีของ “บ่อนพระราม 3” ที่มีการยิงกันตายคาบ่อน ลักษณะเด่นของบ่อน จะมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพภายในบ่อนไว้อย่างชัดเจนทุกมุม เพื่อสอดส่องดูแล และป้องกันการโกง เจ้าของบ่อนจะเป็นคนที่มีเส้นสาย เงินถึง เพราะต้องจ่ายเจ้าหน้าที่เป็นรายเดือน สนนราคาอยู่ที่หลักล้านบาท

บ่อนประเภทนี้เป็น “บ่อนอิทธิพล” อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างเช่น บ่อนพระราม 3 ขนาดยิงกันในบ่อน ยังหาตัวเจ้าของบ่อนไม่ได้ แถมหลังเกิดเรื่องก็มีการเก็บกวาด ทั้งอุปกรณ์ โต๊ะ เก้าอี้ และกล้องวงจรปิด เรียบไม่มีเหลือ ป่านนี้คดีก็เงียบหาย มีแต่มือปืนที่ออกมามอบตัว และถูกดำเนินคดีไป

ประเภทที่ 4 คือ “บ่อนไฮเทค” บ่อนประเภทนี้มักเปิดกันอย่างโจ๋งครึ่ม ตามตลาด หรือชุมชน โดยการนำอุปกรณ์เล่นพนันออนไลน์มาติดตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นตู้ม้า ตู้สล็อต เพื่อให้นักเสี่ยงโชคได้เล่นกัน แต่เมื่อเปฺ็นข่าว หรือมีการตรวจค้น ก็จะมีคนดูแลคอยขนย้ายอุปกรณ์ไปเก็บไว้ที่อื่น บ่อนประเภทนี้มีตัวอย่าง คือบ่อนตู้สล็อตที่ “ผู้กองปูเค็ม” เคยไปเปิดเผยที่ฉะเชิงเทรา สุดท้ายถูกทำร้ายร่างกาย

สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของบ่อนแต่ละประเภทได้เป็นอย่างดี จึงปฏิเสธได้ยากว่า มีหรือที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ