'อนุชา' ขอตรวจสอบ ปม 'ไก่อู' สั่งนักข่าวทำงานพื้นที่สีแดง
'อนุชา' แนะ ประชาชนฟังข้อมูล 'ศบค.' แม้บางครั้งมีข้อผิดพลาด แต่อยากให้พิจารณาอะไรที่เป็นประโยชน์ หรือ อะไรที่อยู่ในสถานะขอความร่วมมือเพื่อแก้ไขสถานการณ์
8 ม.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการสื่อสารของรัฐบาลในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ข้อมูลอาจไม่ชัดเจน จนสร้างความสับสนให้กับประชาชน ว่า การสื่อสารเกี่ยวกับข้อมูลในช่วงของสถานการณ์โควิด-19 โดยหลักแล้วจะเป็นการสื่อสารจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.)ซึ่งในการประชุมทุกครั้งก็จะเน้นย้ำให้ ศบค.เป็นหน่วยงานหลักในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทางกรมประชาสัมพันธ์เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ แต่หากทำไปโดยเข้าใจผิด หรือเพียงแค่ประชาสัมพันธ์อย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานแบบบูรณาการกันหลายหน่วยงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาการสื่อสารสร้างความสับสนทำให้ต้องออกมาแก้ไขความเข้าใจกันหลายครั้ง นายอนุชา กล่าวว่า บางครั้งอาจจะมีอะไรผิดพลาดอยู่บ้าง แต่ก็อยากให้สังคมได้พินิจพิเคราะห์ว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ และอะไรที่อยู่ในสถานะที่เราควรจะร่วมมือกันเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ปัญหาในเรื่องของกระแสสังคมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม หากเราช่วยกัน กรมประชาสัมพันธ์ ก็จะพยายามให้ข้อมูลข่าวสารตรงไปตรงมา ขออย่าเป็นกังวลในเรื่องการให้ข้อมูลของกรมประชาสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามอยากขอร้องเรื่องของกระแสสังคม เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ หากเราช่วยกันประคับประคองให้กระแสไปในทิศทางที่ดี ใช้โอกาสนี้ร่วมมือกันสร้างพลังสามัคคีในการแก้ปัญหา เราก็จะไปในทิศทางที่ดีได้ และสถานการณ์ต่างๆ ก็จะบรรเทาเบาบางลง
เมื่อถามว่าจากสถานการณ์ดังกล่าวพระสงฆ์ได้รับผลกระทบในช่วงสถานการณ์โควิด-19 หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ได้รับบ้าง ต้องยอมรับว่า สถานการณ์โควิด-19 ช่วงแรกพระสงฆ์ได้รับผลกระทบมากกว่าช่วงนี้ เนื่องจากไม่มีการเตรียมพร้อมในมาตรการป้องกัน แต่ปัจจุบันทางสำนักงานพระพุทธศานาแห่งชาติ (พศ.)หารือถึงวิธีที่จะดูแลองค์กรสงฆ์ เพื่อให้เป็นหลักของบ้านเมืองต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่มีข่าวว่า พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ มีคำสั่งให้ผู้สื่อข่าวกรมประชาสัมพันธ์ สับเปลี่ยนกันทำข่าวในพื้นที่สีแดงทุกคน คนละ 10 วัน และให้กักตัว 14 วัน หลังจากกลับจากการปฏิบัติหน้าที่ นายอนุชา กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน ขอกลับไปตรวจสอบก่อน และคงจะต้องสอบถามผู้บริหารว่าในเชิงความคิดหรือในเชิงประโยชน์ที่จะได้รับจากคำสั่งนี้จะมีมากน้อยแค่ไหนเพราะต้องมีการพิจารณาทุกด้าน ความเสี่ยงก็คือความเสี่ยง ความคุ้มค่าหรือความเป็นประโยชน์กับประชาชนหรือไม่ก็ต้องนำมาพิจารณากัน สำหรับตนมีความเป็นห่วงและเป็นกังวลถึงทุกคนที่ต้องลงพื้นที่