'รมว.แรงงาน' ปลื้มยอดบรรจุงานกระเตื้องขึ้นต่อเนื่อง
"รมว.แรงงาน" มอบ เลขาฯ ติดตาม Job expo ปลื้มยอดบรรจุงานกระเตื้องขึ้นต่อเนื่อง มั่นใจ นโยบายจ้างงานเชิงรุกช่วยเศรษฐกิจฟื้นตัวจากโควิดโดยเร็ว
เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 เวลา 13.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมผ่านระบบทางไกล (Video Conference) ติดตามความคืบหน้าผลการบรรจุงาน Job Expo Thailand 2020 ณ ห้องประชุมตรีเทพ 2 ชั้น 14 กรมการจัดหางาน โดยมี นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นประธานการประชุม พร้อมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมประชุมด้วย
โดยนายสุเทพกล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับปัญหาการว่างงานเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ซึ่งภายหลังจากการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติเห็นชอบการปรับแก้คุณสมบัติและเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ โดยภาครัฐและเอกชน (Co – payment) เพื่อให้นักศึกษาจบใหม่มีโอกาสได้งานทำ และนายจ้าง/สถานประกอบการเกิดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งได้รับประโยชน์สูงสุด เสมอภาคกัน และเกิดการบรรจุงานโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้จากข้อมูลกรมการจัดหางาน ณ วันที่ 18 ม.ค.64 พบว่า สามารถบรรจุงานในภาพรวมได้แล้วจำนวน 857,888 คน จากเป้าหมาย 1 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 28,000 ล้านบาท ซึ่งหากคำนวณตามหลักเศรษฐศาสตร์เม็ดเงินนี้จะสามารถหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 5 รอบ คิดเป็นเม็ดเงินสูงถึง 141,009,721,350 บาท นายสุเทพ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ท่านสุชาติ ชมกลิ่น ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เล็งเห็นว่าในปี 2564 จะต้องกำหนดนโยบายแบบเชิงรุก ได้แก่ ประการแรก ต้องรักษาการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่ยังสร้างรายได้ให้กับประเทศเพื่อพยุงสภาพเศรษฐกิจของประเทศให้เดินต่อไปได้ จึงเน้นไปที่อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าส่งออกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต้องหยุดกิจการเพราะการติดเชื้อโควิด -19 ของแรงงานในสายการผลิต เป็นที่มาของการออกนโยบายตรวจเชื้อโควิด-19 เชิงรุกในสถานประกอบการ โดยมุ่งเป้าไปที่จังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากมีโรงงานอุตสาหกรรมส่งออกเป็นจำนวนมาก เพื่อให้โรงงานเหล่านี้สามารถเดินหน้าผลิตสินค้าได้ และเป็นที่เชื่อมั่นต่อลูกค้าชาวต่างประเทศว่า สินค้าที่ส่งออกไปมาจากโรงงานที่แรงงานปลอดเชื้อโควิด 100 เปอร์เซนต์ ประการที่สอง มุ่งหารายได้เข้าประเทศโดยการหาตลาดแรงงานในต่างประเทศเพิ่ม เพราะแรงงานไทยเราเป็นที่ยอมรับและต้องการของต่างประเทศ เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขไทยที่สามารถควบคุมและป้องกันโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ซึ่งที่ผ่านมาเราส่งออกแรงงานไทยมาอย่างต่อเนื่องทั้งประเทศอิสราเอล สวีเดน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศมหาศาลเป็นแสนล้านบาทต่อปี และประการสุดท้าย ส่งเสริมการจ้างงานในประเทศอย่างต่อเนื่องส่งเสริมการจ้างงานในประเทศอย่างต่อเนื่องโดยจะจัดงาน Job Expo Thailand ปีละหนึ่งครั้ง เพื่อให้ภาคแรงงานมีงานทำอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป