โควิดทุบค้าชายแดนหนักกว่ารัฐประหารเมียนมา

โควิดทุบค้าชายแดนหนักกว่ารัฐประหารเมียนมา

ประธานหอการค้าจังหวัดตาก ประเมินสถานการณ์ค้าชายแดนด่านแม่สอดปี 2564 คาดปีนี้ตัวเลขยังไม่ดีเพราะได้รับผลกระทบโควิด-19 ทำการค้าในพื้นที่ซบเซา ส่วนรัฐประหารเมียนมา เชื่อกระทบระยะสั้น เพราะเมียนมายังมีความจำเป็นนำเข้าสินค้าจำเป็น

นายประเสริฐ จึงกิจรุ่งโรจน์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า ได้มีการประเมินการค้าชายแดนแม่สอดในปี 2564 ซึ่งคาดว่าจะยังคงสาหัสอยู่ เพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภายในประเทศมากกว่า คือผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยว หรือคนจากพื้นที่อื่นเดินทางเข้ามาในพื้นที่แม่สอดเลย เพื่อลดความเสี่ยงจากการระบาดโควิด ทำให้มีการซื้อขายเฉพาะคนในพื้นที่และพื้นที่แม่สอดได้รับผลกระทบด้านการค้าลดลงไปประมาณ 70-80% ซึ่งหนักกว่าเหตุการณ์รัฐประหารในเมียนมา
“รัฐบาลควรเข้ามาดูแลเศรษฐกิจในประเทศ เพราะน่าเป็นห่วงมากกว่า โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว พ่อค้า เอสเอ็มอี ตลาดนัด ค้าขายลำบาก เพราะไม่มีคนจากพื้นที่อื่นเข้ามา ดังนั้นรัฐบาลอาจต้องให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีรายย่อยของไทยก่อน” 

ขณะที่ สถานการณ์การค้าชายแดนไทยและเมียนมา หลังเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในเมียนมา คาดว่าจะเกิดผลกระทบระยะสั้น 1-2 เดือนเท่านั้น เพราะเมื่อรัฐบาลทหารเข้ามาดูแลสถานการณ์ในประเทศ เชื่อว่าจะมีการรเข้ามาจัดการปัญหาด้านการเมืองก่อน ส่วนด้านการค้าคาดว่ายังคงปล่อยให้เป็นไปตามปกติก่อน และเชื่อว่าการส่งออกและนำเข้าสินค้ายังคงเป็นปกติ เพราะหากชะลอการนำเข้าสินค้าจะส่งผลเสียหายต่อประชาชนในประเทศเมียนมาได้

“ในเรื่องของการค้ามองว่าสินค้าจะยังคงผ่านด่านชายแดนได้ เว้นแต่การเข้าออกของคนที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ โดยในส่วนของสถานการณ์ล่าสุด เกิดปรากฎการณ์ห้างร้านมีชาวเมียนมาเข้าไปกวาดซื้อข้าวของหายไปจากตลาดไวมาก สินค้าบางตัวขึ้นราคา ถ้าสินค้าเข้าไม่ถึงตลาดจะทำให้ผู้บริโภคมีความยากลำบาก รัฐบาลไม่น่าจะกีดกันตรงนี้” นายประเสริฐ กล่าว

สำหรับผลกระทบระยะยาวในระยะ 1 ปี คาดว่ารัฐบาลทหารจะเข้ามาดูระบบการค้าชายแดนมากขึ้น เพราะเป็นเรื่องปากท้องประชาชน ที่ต้องแสดงความสามารถพอควรให้ประชาชนยอมรับเศรษฐกิจ

ส่วนความสับสนของการปิดด่านแม่สอด และแม่สายเมื่อวานนี้ก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว มีการเปิดด่านตามปกติ โดยยอดการค้าขายแดนแม่สอดปีที่แล้วมีมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ลดลง 10% เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 และค่าเงินบาทที่แข็ง ขณะที่การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเมียนมามูลค่า 5 พันกว่าล้านบาท ขณะนี้ยังมีการนำเข้าได้ตามปกติ