‘ไบเดน’ประกาศเพิ่มสัมพันธ์ชาติพันธมิตรคานอำนาจจีน-รัสเซีย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ แถลงว่า สหรัฐจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้วยการสานสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรเพื่อให้สามารถแข่งขันกับจีนและรัสเซียในเวทีโลกได้ดีขึ้น
“เราจะใช้ความแข็งแกร่งเข้าแข่งขันด้วยการพัฒนาสหรัฐให้ดียิ่งกว่าเดิม ร่วมมือกับประเทศพันธมิตรและคู่ค้า นอกจากนี้ เราจะกลับเข้าไปมีบทบาทในองค์กรระดับโลก และทวงคืนความน่าเชื่อถือและความเป็นผู้นำด้านจริยธรรม” ปธน.ไบเดนกล่าวในระหว่างการแถลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2564
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดน ยังกล่าวว่า เขาตั้งใจจะนำพาสหรัฐกลับคืนสู่ฐานะประเทศผู้ปกป้องประชาธิปไตย หลังจากระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐต้องสั่นคลอนจากเหตุการณ์ผู้ประท้วงบุกเข้าอาคารรัฐสภาเมื่อช่วงต้นเดือนม.ค.ในระหว่างที่มีการตรวจสอบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ปธน.ไบเดนยอมรับว่า คุณค่าของประชาธิปไตยในสหรัฐถูกท้าทายจนถึงขีดจำกัดในช่วงไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า “ชาวอเมริกันจะผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้โดยที่เราจะแข็งแกร่งขึ้น มุ่งมั่นยิ่งขึ้น และมีความพร้อมมากขึ้นในการรวมพลังประชาคมโลกต่อสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตย เพราะพวกเราเองก็ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยมาเช่นกัน”
รัฐบาลสหรัฐภายใต้การบริหารของปธน.ไบเดนจะมีการประเมินท่าทีทางการทหารของสหรัฐต่อประเทศทั่วโลกใหม่อีกครั้ง และได้ยับยั้งแผนถอนกำลังทหารที่ประจำอยู่ในเยอรมนีของอดีตปธน.ทรัมป์ไปก่อน ขณะที่หลายฝ่ายมองว่าการตัดสินใจของปธน.ไบเดนเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศพันธมิตรที่ไม่ราบรื่นนัก
ปธน.ไบเดนกล่าวว่า พลเอกลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐ จะเริ่มทบทวนท่าทีของกองกำลังสหรัฐทั่วโลก เพื่อให้แน่ใจว่ากองทัพสหรัฐนั้นสอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศและให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศ
“และขณะที่มีการทบทวนนี้ เราจะระงับแผนการถอนกำลังทหารออกจากเยอรมนีเอาไว้ก่อน” ปธน.ไบเดนกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว คณะทำงานของอดีตปธน.ทรัมป์ ได้ประกาศแผนปรับตำแหน่งกองกำลังทหาร 12,000 นายที่ประจำการอยู่ในเยอรมนี ซึ่งท่าทีดังกล่าวได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งภายในและนอกประเทศ
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังได้เปลี่ยนจุดยืนเรื่องความขัดแย้งในเยเมนจากคณะทำงานของอดีตปธน.ทรัมป์ด้วย
“เราจะยุติการสนับสนุนชาวอเมริกันทั้งหมดสำหรับปฏิบัติการเชิงรุกในสงครามเยเมน รวมถึงการขายอาวุธให้กับเยเมน” ปธน.ไบเดนกล่าว
ขณะเดียวกัน ปธน.ไบเดนกล่าวว่า สหรัฐจะยกระดับทางการทูตและสนับสนุนโครงการของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อยุติสงคราม ซึ่งปธน.ไบเดนเรียกว่าเป็นหายนะทางยุทธศาสตร์และมนุษยธรรม