'จุรินทร์' ชง ครม. 9 ก.พ.ไฟเขียวชะลอเรียกคืน 'เบี้ยยังชีพ' ผู้สูงอายุ
จับตา "จุรินทร์" เตรียม ชงครม.ชะลอเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 9 ก.พ.นี้ มท.ยันพร้อมแก้ระเบียบ สั่งท้องถิ่นชะลอดำเนินคดี
วันที่ 8 ก.พ. นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย(มท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาเรียกคืนเบี้ยยังชัพผู้สูงอายุว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมานายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 ซึ่งในที่ประชุมมีการเพื่อพิจารณาเรื่องมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่มีความซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่น โดยนายจุรินทร์ได้มอบหมายให้ตั้งคณะทำงานพิจารณาปรับปรุงระเบียบและกฎหมายดังกล่าว พร้อมระบุว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันที่ 9 ก.พ.นี้ จะเสนอให้ที่ประชุมชะลอการเรียกคืนเงินซ้ำซ้อนไว้ก่อน ดังนั้นกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก็พร้อมจะปฏิบัติตามการแก้ไขระเบียบที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติพิจารณา
นายประยูร กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้นโยบายมาว่าในเรื่องนี้ท้องถิ่นต้องเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชนว่าอย่าวิตกกังวล เพราะภาครัฐพยายามช่วยเหลือกันอยู่ หากในกรณีใดอยู่ระหว่างการฟ้องร้องหรือการบังคับคดีได้ก็ขอให้ชะลอไว้ แต่ทั้งหมดต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายในช่วงที่อยู่ระหว่างการรอแก้ไขระเบียบ ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าขอให้ประชาชนสบายใจเพราะจะไม่มีการดำเนินคดี สำหรับขั้นตอนการแก้ไขระเบียบนั้นอยู่ที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพร้อมปฏิบัติตาม อาทิ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ส่วนนายวิษณุได้มอบหมายสํานักงานกฤษฎีกาไปช่วยดูเช่นกัน
"ภาครัฐในระดับนโยบายให้ความมั่นใจได้ว่าจะหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนจะไม่ให้ได้รับผลกระทบ แต่จะต้องแก้ไขระเบียบก่อนกระทรวงมหาดไทยก็ได้แจ้งผ่านไปยังท้องถิ่นแล้วว่าขอให้ประชาชนอย่ากังวลใจในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน"นายประยูร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 ในหมวด 1 นั้น ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพ ข้อ 6 มีเนื้อหาระบุว่า ผู้มีสิทธิจะได้รับงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและ ไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ 1.มีสัญชาติไทย 2.มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามทะเบียนบ้าน 3.มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
4.ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้เป็นประจำ ยกเว้นผู้พิการและผู้ป่วยเอดส์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายงินสงคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548