เรียกสอบ 234 คนทั่วพัทลุง สืบหา 'ตัวการ' โกงเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง
ผู้การพัทลุง สั่งลุย เรียกสอบ 234 คนทั่วทั้งจังหวัด สืบหา "ตัวการ" โกงเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง
พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง (ผบก.ภ.จว.พัทลุง) เปิดเผยถึงกลโกงโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน และโครงการ คนละครึ่ง ของรัฐบาล ที่จัดทำโครงการดังกล่าวเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรน่า 2019 ว่า หลังจากมีการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการไปแล้ว ปรากฎว่ามีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่นำโครงการนี้ไปหวังผลประโยชน์ โดยได้นำไปกระทำความผิดเกิดการฉ้อโกง คือไม่มีการเที่ยวจริงแต่ได้นำเอกสารเท็จมาเบิกค่าใช้จ่ายจากรัฐบาล
สำหรับในพื้นที่จังหวัดพัทลุงพบว่า มีกลุ่มบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องและกระทำความผิดมากถึง 234 ราย ซึ่งทั้ง 234 รายนี้ต้องไปทำการสืบทราบและทำการสอบสวนว่าเขาไปเกี่ยวข้องอย่างไร โดยจะเชิญบุคคลเหล่านี้มาให้ปากคำ เพื่อเป็นพยาน และเพื่อได้นำพยานหลักฐานเหล่านี้สาวถึงบุคคลตัวการที่กระทำความผิดที่ใหญ่กว่านั้น จากการที่ทางกองบัญชาการสอบสวนกลางได้สืบหาตัวผู้กระทำผิดไว้แล้วจำนวน 2 ราย คือที่ จ.ชัยภูมิ 1 รายและที่ จ.ภูเก็ต 1 ราย
ตอนนี้ทางพัทลุงได้รับบัญชีมาแล้ว 234 ราย ก็ได้กระจายไปตามโรงพักต่างๆแล้ว ซึ่งทางโรงพักต่างๆอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยได้เรียกชื่อตามบัญชีมาสอบสวนว่าเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร รู้เรื่องหรือไม่ ถ้ารู้เรื่องก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการ ถ้าไม่รู้เรื่องก็ต้องดูว่าเป็นไปตามขั้นตอนไหนที่โดนเอาข้อมูลไป ซึ่งตรงนี้ก็จะได้หาตัวผู้กระทำความผิดต่อไป
ในการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดในโรงพักที่มีผู้กระทำความผิดจำนวนมากนั้น ทาง พล.ต.ต.วรา กล่าวว่า วันที่ได้เข้าร่วมสัมมนาก็ได้คุยกันอย่างชัดเจนและได้วางแผนไว้แล้วว่า ถ้าโรงพักไหนมีพยานกี่คน หากทางโรงพักสอบไหวก็ให้โรงพักนั้นๆสอบไป หากโรงพักไหนไม่ไหวก็สามารถร้องขอไปที่กองบังคับการและทางกองบังคับการจะระดมพลส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยกัน เพื่อให้ความสะดวกแก่พี่น้องประชาชน เพราะทางรัฐบาลชื่อว่ามีหลายส่วนที่ถูกหลอกไปโดยไม่รู้เรื่อง
นอกจากนั้นทางผู้บังคับการยังเตือนไปยัง 234 รายรวมถึงบุคคลอื่นด้วยว่าทางเจ้าหน้าที่จะเชิญทั้ง 234 ราย มาเพื่อสอบเป็นพยานเท่านั้น มาให้ข้อมูลเพื่อที่จะนำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตัวการใหญ่ และอยากให้เข้ามาเร็ว เพราะจะทำให้ได้ข้อมูลเร็วและเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่ยังไม่ได้ปรับปรุงปรุงเสริมแต่ง เพื่อที่จะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปสู่กระบวนการตามกฎหมายต่อไป และยังฝากไปถึงบุคคลอื่นที่คิดจะทำหรือมีผู้ชักชวนอย่าไปทำเพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรัฐบาลต่อประเทศชาติและต่อพี่น้องต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับจังหวัดพัทลุงนั้นมีชาวพัทลุงเข้าไปเกี่ยวข้องในโครงการเที่ยวด้วยกันมากถึง 234 ราย ซึ่งมากที่สุดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง โดยพื้นที่ที่มีคนเข้าร่วมโครงการดังกล่าวมากที่สุดได้แก่ อ.บางแก้ว 111 คน อ.เขาชัยสน 30 คน อ.เมืองพัทลุง 18 คน นอกนั้นก็กระจายตามอำเภอต่างๆ ซึ่งได้ทะยอยเรียกผู้กระทำผิดมาบ้างแล้ว
อย่างเช่นก่อนหน้านี้ทาง ร.ต.ท.หญิง จารุมณ อัตบุตร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ได้เชิญตัวนายอุดม อายุ 81 ปี ชาว ต.พญาขัน อ.เมืองพัทลุง ซึ่งเป็น 1 ใน 18 คน ที่ถูกเอาเลขบัตรประชาชนสวมสิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกันมาสอบปากคำที่โรงพัก ก็พบว่า นายอุดมฯเป็นคนหูตึงไม่เคยเดินทางไปเที่ยวที่ จ.ชัยภูมิ ไม่มีโทรศัพท์มือถือ พูดจาไม่คล่องเนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถชี้ชัดได้ว่ามีการสวมรอยบัตรประชาชนของนายอุดมฯให้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวอย่างแน่นอน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ในจังหวัดพัทลุงนั้นได้ส่งผลให้รัฐบาลได้รับความเสียหายจากโครงการดังกล่าวมากถึง 9 ล้านบาท